ก้าวไกลเดินหน้าแก้ ม.112 ในสภาเอง เชื่อสำเร็จ

รร.คอนราด 22 พ.ค.-“พิธา” ย้ำก้าวไกลเดินหน้าแก้ ม.112 เองในสภา เชื่อจะสำเร็จ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน ขณะที่พรรคร่วมเห็นต่างขอดูร่างฯ ของก้าวไกล ด้าน “วันนอร์” ขอโอกาสรัฐบาลก้าวไกล หลังให้โอกาสคนที่ยึดอำนาจมาตั้ง 9 ปี

ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถาม โดยคำถามแรกคือเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ไม่อยู่ใน MOU แสดงว่ารัฐบาลพรรคก้าวไกล แม้ตั้งรัฐบาลได้ก็คงไม่สามารถแก้ไขได้เนื่องจากเสียงไม่พอใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันยังทำอยู่ และเมื่อเดือน ก.พ.ปี64 ได้ยื่นต่อสภา แต่ยังไม่มีการบรรจุในวาระ ซึ่งเชื่อว่าครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยการดำเนินการของพรรคก้าวไกล และตอนนี้บรรยากาศก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ยกตัวอย่างได้อย่างได้จากสื่อมวลชนที่กล้าพูดเรื่องนี้อย่างมีนัยสำคัญ และมีวุฒิภาวะ


เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวยังยืนยันเรื่องการแก้ ม.112 จะมีผลต่อเสียง ส.ว. ที่จะสนับสนุนนายพิธา ให้เป็นนายกฯ หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะเรามีทีมเจรจา มีโอกาสได้ตอบข้อกังวลใจหลายเรื่อง ไม่ทำให้กฎหมาย ม.112 เป็นเครื่องมือในการโจมตีทางการเมือง และเมื่อได้อธิบายให้เห็น และเปรียบเทียบกับความเป็นสากล อีกทั้งใน MOU ก็ระบุชัดว่าจะดำรงอยู่ในฐานะที่เป็นที่สักการะผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ของพระมหากษัตริย์ น่าจะทำให้ ส.ว.และประชาชนจำนวนมากสบายใจ ยืนยัน ม.112 เป็น 1 ใน 45 กฎหมายที่พรรคก้าวไกลจะยื่นต่อสภา พร้อมเชื่อว่าจะพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ และเมื่อได้พูดคุยกับ ส.ว.ก็มีแนวโน้มและทิศทางที่ดี เป็นแนวโน้มที่ดีมาก

เมื่อถามว่าหากนำเรื่อง ม.112 และเรื่องทุจริต จะมีคำมั่นสัญญาอย่างไรว่าจะไม่ทำในสิ่งที่ประชาชนไม่เห็นด้วย และหากพรรคก้าวไกลยืนยันจะยื่นแก้ไข ม.112 พรรคร่วมที่เหลือจะว่าอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า การที่มีบันทึกความเข้าใจตรงกันเป็นหารผลักดันวาระที่เห็นร่วมและความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งมีทั้งวาระร่วมและวาระเฉพาะของแต่ละพรรคเพื่อไม่ให้ขัดแย้งจากข้อตกลง MOU ส่วนเรื่องคอร์รัปชันก็มีระบุใน MOU ชัดเจน


ส่วนจุดยืนในประเด็นมาตรา 112 พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง พรรคเพื่อไทย ไทยสร้างไทย และเสรีรวมไทย มีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า MOU ที่ทำมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ถ้าอะไรที่จะทำให้เกิดความไม่สำเร็จ จะไม่ทำ ดังนั้น ในประเด็นมาตรา 112 ต้องไปดูรายละเอียดตัวร่างกฎหมายที่จะเสนอว่าจะเป็นประโยชน์ หรือมีผลกระทบอย่างไร จะตอบเป็นข้อสรุปทันทีในวันนี้ไม่ได้ ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวยืนยันไม่แก้ไขและไม่ยกเลิกมาตรา 112

ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นมาตรา 112 ถือเป็นเรื่องในอนาคต แต่ทางพรรคไม่มีนโยบายตรงนี้ แต่ตนเองสามารถให้ข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ เพราะตนเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รู้ในเรื่องที่หลายคนไม่รู้ ก็จะให้คำแนะนำได้

เมื่อถามถึงแผนสำรองของพรรคก้าวไกลกรณีเสนอชื่อนายกฯ และไม่ผ่าน 376 เสียงของรัฐสภา จะดำเนินการอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า กระบวนการในการเจรจาและการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองเป็นไปได้ด้วยดี ยังไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะไปอยู่ในซิแนริโอนั้น จึงไม่กังวลของตน และการทำงานกันมากับพรรคเพื่อไทย และทุกพรรคร่วม มีความหนักแน่นไม่ว่าจะมีข่าวลือหรือมีการพูดให้สั่นคลอน ทุกพรรคทำงานด้วยความเคารพซึ่งกันและกันและให้เกียรติซึ่งกันและกัน


ส่วนการวิเคราะห์ทางการเมืองว่าจะยุบพรรคพลังประชาชนและมี ส.ส.ย้ายมารวมกับพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีกระแสว่าจะมีการยุบพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนำ ส.ส .ไปรวมกันกับเพื่อไทยได้เสียง 182 เสียง และจัดตั้งรัฐบาล ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยรับรู้ไม่เคยรับทราบ และพรรคเองก็ได้ยินจากการวิเคราะห์ ดังนั้นยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยรับรู้และขอปฏิเสธว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แม้เหตุการณ์จะเกิดจริงหรือไม่จริงการรวมกันหากพรรคพลังประชารัฐยุบพรรค ต้องตอบว่าเป็นไปไม่ได้

“และที่สำคัญที่สุดที่บอกว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลขอยืนยันครั้งที่ 501 ว่า เรายังยึดมั่นตามเจตนารมณ์ที่เราประกาศที่จะสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และร่วมมือกับก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้ได้” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า กระแสข่าวได้รับในการจัดตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกง จะสร้างความหวาดระแวงกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอตอบเป็นครั้งที่ 502 ว่า ข่าวลือเป็นสิ่งที่ทุกคนร่ำรือได้ แต่ขอยืนยันแล้ว พรรคเพื่อไทยยังยึดมั่นในเจตนารมณ์ของประชาชน และได้ประกาศชัดเจนว่าเราจะสนับสนุนพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วแต่

เมื่อถามถึงประเด็นการป้องกันการรัฐประหารนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตนนั่งอยู่ในหอประชุมกองทัพบก ต้องนั่งฟังคำประกาศยึดอำนาจด้วยความเศร้าใจอย่างยิ่งจากอดีต ผบ.ทบ.ขณะนั้นและเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนี้

เมื่อฟังการยึดอำนาจแล้วก็มีความคิดว่าประชาชนคนไทย 70 ล้านกว่าคน ถูกคนไม่กี่คนประกาศยึดอำนาจได้ง่าย ๆ แบบนี้หรือ ขอให้การยึดอำนาจปี 57 เป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทย ไม่ควรมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว ดีใจว่าวันนี้เรามาเพื่อกระจายอำนาจ กระจายความหวังและความสุขให้ประชาชนทุกคน อยากวิงวอนทุกคนทุกฝ่ายที่อาจเห็นตรงกันหรือต่างกัน ขอให้ให้โอกาสพวกเราทำงานให้ประชาชน ในเมื่อให้โอกาสคนยึดอำนาจมาตั้ง 9 ปี ก็ควรให้อำนาจในการคืนความสุขให้ประชาชน ทั้งนี้อาจจะไม่พอใจ 100% ตนอยากวิงวอนว่า การทำงาน การเจรจาใดๆ ไม่มี 100% แต่ต้องถอยคนละก้าว เพื่อก้าวไปข้างหน้า เพื่อประชาชน ตนและอีกหลายคนมีความหวังอยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การขจัดรัฐประหาร ถ้าดู MOU ผลักดันรัฐธรรมนูญของประชาชน ไม่ให้มาจากปลายกระบอกปืน แต่ต้องมาปลายปากกาของประชาชน ต้องเป็นจารีต การรัฐประหารคือ กบฏ ต้องถูกลงโทษ และอยากให้รัฐประหารปี 57 เป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทย

นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องและเคยมีอำนาจจากรัฐประหาร ควรลงจากอำนาจได้แล้ว วันนี้ ประชาชนพิสูจน์ คนมาใช้สิทธิจำนวนมากเรียกร้องประชาธิปไตย ให้ช่วยส่งกำลังใจพวกเราฝ่าฟันอุปสรรคให้ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ

ขณะที่กระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนใต้ พรรคก้าวไกลและการเมืองอื่นๆ ผู้ใดจะเป็นผู้นำเรื่องนี้ และทหารจะเป็นผู้นำหรือพลเรือน นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้จะนำโดยตรงซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนบุคคลในแต่ละกระบวนการเป็นเรื่องรายละเอียด แต่ขอให้คำมั่นสัญญาว่า กระบวนการสันติภาพต้องมีพลเรือนอยู่ในกระบวนการ และพลเรือนต้องนำทหารในเรื่องนี้ พร้อมต้องเปลี่ยนให้เป็นเรื่องความมั่งคั่งทางอาหาร ทางสาธารณสุข ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องความมั่นคงอย่างเดียว

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวถึงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการแก้ไขที่ไม่ถูกวิธีมายาวนาน มีการใช้อำนาจพิเศษ ไม่ได้คำนึงถึงคนในพื้นที่ ซึ่งใน MOU มีการสร้างสันติสุข การกระจายอำนาจ อีกทั้งต้องมีการเจรจาเพื่อให้คนเหล่านั้นกลับสู่แผ่นดินแม่อย่างสงบสุข ยืนยันไม่มีใครคิดอยากแบ่งแยก อาจจะมีแต่น้อยมาก ซึ่งต้องใช้เจรจาให้ถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : “ทรัมป์ 2.0” นำไปสู่กาลอวสานระเบียบโลก ?

นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดมองโลกแบบแหวกแนว ส่วนหนึ่งทำให้ได้ใจคนอเมริกัน แต่ส่วนหนึ่งทำให้ทั้งโลกปั่นป่วน วันนี้มีคำกล่าวจากผู้นำรัสเซียว่า ระเบียบโลกใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

มอบรางวัล “หมูเด้ง” ทายผล “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง

มอบรางวัลผลไม้ถาดยักษ์ให้ “หมูเด้ง” หลังทำนายทายถูกว่า “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ อวยยศให้เป็น “อาจารย์เด้ง”

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น