กทม. 27 เม.ย.-“บิ๊กโจ๊ก” เผยเหยื่อ “แอม ไซยาไนด์” รายที่ 13 เป็นภรรยาดาบตำรวจ ตม.บึงกาฬ ถูกลอบฆ่าเมื่อปี 63 พร้อมฟันธง “แอม” ฆ่าล้างหนี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลการสืบสวน คดีวางยาพิษไซยาไนด์ เปิดเผยว่า ล่าสุด จากการสืบสวน และรับแจ้งเบาะแสข้อมูล พบมีผู้เสียชีวิตถูกวางยาฆ่าแล้วรวม 13 คน และถูกวางยาพิษแต่รอดชีวิตได้ 1 คน รวมมี 14 คน ที่ต้องสงสัยว่าถูกนางสาวแอม ลอบวางยา
โดยรายล่าสุด ซึ่งเป็นศพที่ 13 ที่ตรวจพบในวันนี้ (27 เม.ย.) เป็นภรรยาของดาบตำรวจนิติพนธ์ ตำรวจ ตม. ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ได้เข้าให้ปากคำยืนยันว่า ภรรยา คือ น.ส.สาวิตรี หรือหนิม อายุ 40 ปี รู้จักเกี่ยวข้องกับนางสาวแอม ก่อนจะเสียชีวิต เมื่อปี 2563 ลักษณะการตายและสภาพศพคล้ายกับศพรายอื่นๆ ที่ถูกวางยา
ทั้งนี้ ด.ต.นิติพนธ์ ให้การว่า ในช่าวที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่ ได้รู้จักกับ นางสาวแอม และนางสาวแอม ได้มาขอยืมเงิน ภรรยาจึงได้ไปกู้เงินด่วนมาให้ 150,000 บาท ส่วนอีก 90,000 บาทเป็นเงินของนายดาบสามี ที่มอบให้ภรรยานำไปให้นางสาวแอม กู้ยืม จากนั้นไม่นานภรรยาของนายดาย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของนางสาวแอม ก็เสียชีวิต ซึ่งไม่ติดใจสงสัยสาเหตุการตาย กระทั่งเกิดข่าว นางสาวแอม วางยาพิษฆ่าเหยื่อหลายราย จึงเริ่มสงสัยว่าภรรยาของตนเองก็อาจจะถูกวางยาพิษฆ่าให้ตาย เพื่อปลดหนี้เช่นกัน
“บิ๊กโจ๊ก” กล่าวอีกว่า แนวทางการสืบสวนฟันธงว่าสาเหตุการวางยาฆ่าเหยื่อกว่า 10 คน ของนางสาวแอม เพื่อต้องการฆ่าล้างหนี้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหนี้ที่นางสาวแอม ไปกู้ยืมเงินมาเกือบทั้งสิ้น ซึ่งนางสาวแอม ไม่มีรายได้ จึงกู้ยืมเงินจากหลายคนรวมๆ แล้วกว่าล้านบาท พอมีหนี้สินเกิดขึ้นจำนวนมาก ไม่มีเงินไปใช้หนี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีคนแนะนำให้ใช้วิธีการวางยาฆ่าล้างหนี้ และฆ่าแล้วไม่ถูกจับ จึงเกิดความย่ามใจฆ่ามาเรื่อยๆ กระทั่งถูกจับ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงการสอบปากคำอดีตสามีตำรวจของนางสาวแอม ว่าถูกสอบสวนในหลายประเด็น โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับนางสาวแอม และความรู้เห็นเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของนางสาวแอม ในการวางยาฆ่าเจ้าหนี้ เบื้องต้นอดีตสามี ให้การว่า จดทะเบียนหย่ากับนางสาวแอม แต่หลังจดทะเบียนหย่าแล้ว ก็ยังอาศัยอยู่ด้วยกัน จึงสงสัยว่าเด็กในท้องของนางสาวแอม เป็นลูกของสามีที่อ้างว่าเป็นสามีใหม่ชื่อนายแด้ จริงหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนให้ชัดเจน โดยเป็นการเรียกสอบสวนในฐานะพยาน ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับอดีตสามีตำรวจแต่อย่างใด
ส่วนกรณีนางสาวแอม มีประวัติรักษาอาการทางจิต “บิ๊กโจ๊ก” เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อคดี เนื่องจากมีหลักฐานแน่นหนา ว่านางสาวแอม รู้เห็นทุกขั้นตอนในการกระทำความผิด เมื่อถึงชั้นสรุปสำนวนตำรวจจะสั่งฟ้องทุกข้อหาแน่นอน ส่วนการสอบปากคำเหยื่อที่รอดชีวิตจากการวางยา ซึ่งตอนนี้ยังมีเพียง 1 คน ที่รอดตายมาได้ ให้การเป็นประโยชน์ ระบุว่านางสาวแอม มีนิสัยโอภาปาศรัย พูดจาดี คุยสนุก และคบกันไประยะหนึ่ง ก็ขอให้ช่วยเรื่องเงิน จากนั้นก็ถูกลอบวางยาหวังฆ่าให้ตาย แต่กลับรอดมาได้
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อสุรเชษฐ์ ระบุว่า คืนนี้จะเดินทางไปภารกิจที่ประเทศเยอรมนี แต่จะซูมเข้ามาเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ที่ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่สอบปากคำพยาน และแพทย์ผู้ชันสูตรศพเหยื่อไซยาไนด์ พร้อมมอบหมายให้นายตำรวจในคณะทำงาน ทำหน้าที่ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนแทน.-สำนักข่าวไทย