นครราชสีมา 11 เม.ย. – ชาวบ้านแห่คืนใบสั่งอลเวง 200 ใบ ตำรวจทางหลวงยอมยกเลิกค่าปรับ ส่งทีมวิศวกรตรวจสอบเบื้องต้นพบกล้องปกติดี แต่เหตุที่มีใบสั่งจำนวนมาก เพราะส่วนรถส่วนใหญ่ต้องเร่งความเร็วเพื่อชิดขวาก่อนถึงจุดยูเทิร์น
กรณีชาวบ้านตำบลหนองตะไก้ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา กว่า 200 คน เจอใบสั่งเรียกค่าปรับของตำรวจทางหลวง โดยถูกจับภาพจากกล้องตรวจจับความเร็วเกินกฎหมายกำหนด 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บริเวณถนนสาย 24 สีคิ้ว-เดชอุดม กม.ที่ 24+200 ขาเข้าสีคิ้ว เขตอำเภอสูงเนิน ซึ่งเป็นถนน 4 เลน และจุดทางเลี้ยวยูเทิร์น ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางสัญจรเข้า-ออกหมู่บ้าน เป็นประจำ โดยปกติจะไม่สามารถใช้ความเร็วได้ เพราะต้องชะลอรถเลี้ยวเข้าจุดยูเทิร์น สร้างความงุนงงสงสัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันเจอใบสั่งอลเวงรวมกว่า 200 ใบ ในระยะเวลา 3-4 เดือน บางครอบครัวเจอ 3-6 ใบ เรียกค่าปรับ 500 บาท จึงรวมตัวกันเรียกร้องให้กองกำกับการ 6 ตำรวจทางหลวง จ.อุบลราชธานี หน่วยงานเจ้าของใบสั่ง ช่วยตรวจสอบ
ล่าสุด นายวิมาน ดอกพิมาย กำนันตำบลหนองตะไก้ ได้รับการประสานงานจากตำรวจทางหลวงสูงเนิน ให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบนำใบสั่งมาคืนทั้งหมด เพื่อยกเลิกใบสั่งทันที รวมถึงผู้ใดจ่ายค่าปรับไปแล้วให้นำหลักฐานมาแสดงเพื่อขอรับเงินคืน พร้อมเร่งตรวจสอบกล้องตรวจจับความเร็วว่าผิดปกติหรือไม่ ซึ่งกำนันก็ได้รวบรวมใบสั่งส่งคืนแล้ว พร้อมยืนยันชาวบ้านละแวกนี้ไม่สามารถใช้ความเร็วเกิน 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเป็นจุดกลับรถเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน คาดจะมีผู้ใช้เส้นทางนี้เจอใบสั่งลักษณะเดียวกันอีกจำนวนมาก
พ.ต.ท.วิษณุ โนนคำม่วง รองผู้กำกับการ กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ผู้บังคับบัญชาทราบถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านแล้ว เบื้องต้นส่งทีมวิศวกรตรวจสอบกล้องตรวจจับความเร็ว พบว่ากล้องปกติดี ไม่มีปัญหาใดๆ แต่เหตุที่มีใบสั่งจำนวนมาก ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าส่วนใหญ่รถที่วิ่งมาในระยะ 3 กิโลเมตร ก่อนมาถึงจุดยูเทิร์น จำเป็นต้องวิ่งชิดขวา และใช้ความเร็วค่อนข้างสูง จึงทำให้ความเร็วเกินกำหนด 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนการแก้ปัญหา คือ ยกเลิกใบสั่ง นำกล้องจุดที่มีปัญหาไปตั้งที่อื่น และขยายเพิ่มอัตราความเร็วจากไม่เกิน 110 เป็น 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. – สำนักข่าวไทย