จับแก๊งจำนำรถส่งขายข้ามแดน หลอกเหยื่อสูญกว่า 100 ล้าน

กทม. 17 ม.ค.-ตำรวจทางหลวง เปิดปฏิบัติการ จับแก๊งจำนำรถส่งขายข้ามแดนให้กลุ่มจีนเทา หลอกเหยื่อสูญทรัพย์สินกว่า 100 ล้าน

พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง แถลงเปิดปฏิบัติการ Highway Gray Market จับแก๊งหลอกจำนำรถส่งข้ามแดน พบความเสียหายกว่า 100 ล้าน โดยปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีได้ 7 ราย แบ่งเป็น กลุ่มผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เป็นนายทุนคอยซื้อขายรถโจรกรรมและขายต่อให้นายทุนในประเทศเพื่อนบ้าน 1 ราย กลุ่มนักบินที่ทำหน้าที่วิ่งรับ-ส่งรถจำนำให้กับนายทุน 3 ราย กลุ่มเปิดเพจหลอกรับจำนำรถจากผู้เสียหาย 2 ราย และกลุ่มผู้ดูแลบัญชี 1 ราย ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์


นอกจากนี้ ตำรวจทางหลวงยังได้เข้าตรวจค้นโกดังจอดรถแห่งหนึ่งใน ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สามารถตัวยึดของกลางเป็นรถยนต์จำนวน 23 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถแทรกเตอร์ 1 คัน ซึ่งเชื่อว่ารถทุกคันเตรียมถูกส่งขายต่อไปประเทศเพื่อนบ้าน

โดยในการแถลงข่าวในวันนี้ ทางตำรวจได้พาผู้เสียหายวัย 36 ปี มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนด้วย โดยผู้เสียหายเล่าว่า เนื่องจากตนมีภาวะขัดสนเรื่องการเงิน กอปรกับพบเพจ Facebook ที่มีชื่อว่า “รับจำนำจอดรถจักรยานยนต์ทุกชนิด” ยิงโฆษณาเด้งขึ้นมา ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน จึงได้ทักพูดคุย ซึ่งกว่าตนจะหลงเชื่อก็ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยเป็นการพูดคุยผ่านทางแชท Facebook เพราะเพจนี้ไม่ยอมให้เบอร์โทรศัพท์แต่อย่างใด


กระทั่งเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เพจได้ล่อลวงให้ผู้เสียหายนำรถมาจำนำในราคา 80,000 บาท โดยนัดหมายส่งมอบรถบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ตนจึงนำรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์สีขาว ซึ่งซื้อมาในมูลค่าประมาณ 800,000 บาทมาจำนำ เมื่อถึงวันนัดส่งมอบรถ มีผู้ต้องหา 2 คนมาทำหน้าที่รับรถและมอบเงินสดให้กับผู้เสียหายจำนวน 71,000 บาท โดยอ้างว่าอีก 9,000 บาทหักเป็นค่าดอกเบี้ยและค่าจอดรถ

วันรุ่งขึ้น วันที่ 27 พฤศจิกายน ผู้เสียหายสามารถหาเงินมาได้และได้ติดต่อกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อขอไถ่รถคืน แต่ผู้ต้องหาออกอุบายว่า ต้องโอนเงินอีก 80,000 บาทถึงจะยอมคืนรถ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อกับกลุ่มผู้เสียหายได้อีกเลย เพราะถูกเพจบล็อค จึงได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี และขอความช่วยเหลือมายังสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ให้ติดตามรถที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงไป

ผู้เสียหายยอมรับว่า ไม่รู้ว่าจะสามารถติดตามรถคืนมาได้หรือไม่ แต่ก็ยังคงมีความหวัง เพราะรถคันนี้ตนซื้อมาได้ 7 ปี ยังเหลือผ่อนอีกประมาณ 400,000 บาท ซึ่งต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายเหล่านี้ได้และอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์ว่า อย่าหลงเชื่อเพจเหล่านี้ เพราะเนื่องจากตนถูกเพจของคนร้ายพูดจาหว่านล้อมอย่างดิบดีและอ้างว่าใช้เอกสารเพียงบัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนรถ จึงมองว่าง่ายและเป็นการฝากจำนำรถเพียงแค่แป๊บเดียว รวมทั้งไม่ทำให้เอะใจกับกลุ่มขบวนการดังกล่าวด้วย แต่ก็ไม่นึกว่าจะถูกนำรถไปขายแบบนี้


ด้าน พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางตำรวจทางหลวงได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว จึงเริ่มต้นสืบสวนจากการแกะรอยบัญชีที่ผู้เสียหายโอนไป จนสามารถจับเจ้าของบัญชีได้ ซึ่งจากการสอบปากคำ เจ้าของบัญชีอ้างว่าก็เคยเป็นเหยื่อลูกหนี้ของแก๊งดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากไม่สามารถผ่อนต่อได้ไหว เลยถูกกลุ่มคนร้ายเสนอให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อแลกกับการที่รถจะไม่ถูกนำไปปล่อยในขายในตลาดมืด แต่ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว

หลังจากนั้นทางตำรวจได้ทำการขยายผลเพิ่มเติมจนสามารถจับกุมกลุ่มเจ้าของเพจ Facebook ที่หลอกลวงผู้เสียหายได้ 2 ราย แล้วหลังจากนั้นได้ขยายผลเพิ่มเติมจนสืบทราบว่า กลุ่มหลอกลวงผู้เสียหายจะนำรถที่ได้จากผู้เสียหายไปส่งต่อให้กับกลุ่มนักบินที่อยู่ในพื้นที่ จ.ราชบุรี แล้วหลังจากนั้นกลุ่มนักบินก็จะนำรถมาเก็บไว้ที่โกดังในพื้นที่ ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโกดังของนายทุนใหญ่ โดยจะเก็บรถเอาไว้เพื่อรอคำสั่งซื้อขายจากประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ค่อยลักลอบนำรถข้ามพรมแดนธรรมชาติไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มกราคม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมกลุ่มแก๊งนักบินได้จำนวน 3 รายที่บ้านในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยในจำนวนนี้พบอาวุธปืนมีทะเบียน 1 กระบอก ซึ่งอยู่ในระหว่างการขยายผล ก่อนที่ในเวลาต่อมา วันที่ 14 มกราคม ก็ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโกดังจอดรถใน ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สามารถตรวจยึดรถของการที่กล่าวไว้ข้างต้นและจับกุมนายทุนตัวการใหญ่ได้ 1 คน พร้อมตรวจยึดปืนมีทะเบียนอีก 1 กระบอก

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ แต่จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ขบวนการลักรถดังกล่าวนั้น ได้ก่อเหตุมาแล้ว 2 ปี ลักลอบขายรถยนต์ให้กับกลุ่มนายทุนทั้งในและนอกประเทศร้อยกว่าคัน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่า อาจจะมีเพจ Facebook ที่ร่วมขบวนการเพจอื่น ๆ รวมทั้งกลุ่มนักบินกลุ่มอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ไปจนถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินเชื่อว่า อาจจะมีความเชื่อมโยง กับนายทุนฝั่งเมียนมาและทุนจีนสีเทา

พ.ต.อ.ภคพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นพบว่าอาจจะมีกลุ่มขบวนการที่ปลอมแปลงเอกสารร่วมด้วย โดยการปลอมทะเบียนรถหรือเอกสารอื่นๆ ของรถ เพื่อใช้ตบตาเจ้าหน้าที่ในการข้ามด่านพรมแดน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตรวจสอบขบวนการดังกล่าว ยังเป็นการขายรถสภาพปกติไปยังชายแดน ไม่พบการดัดแปลงตัวถังรถหรือเลขคัสซีขายไปยังชายแดนแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล. เปิดเผยว่า เนื่องจากมีกลุ่มทุนจีนสีเทาไปขยายสร้างอาณาจักรธุรกิจมืดในพื้นที่ชายแดนฝั่งประเทศเมียนมา จึงมีความต้องการรถยนต์เพื่อมาบริการให้กับกลุ่มลูกค้าจีนเทามากขึ้น แต่เนื่องจากฝั่งประเทศเมียนมานั้นรถค่อนข้างหายาก จึงต้องคอยขโมยรถในประเทศไทยไปขายที่ชายแดนประเทศเมียนมา โดยกลุ่มทุนจีนสีเทานั้นมีความต้องการรถยนต์ประเภทรถหรู เช่น Alphard หรือรถเบนซ์ รวมทั้งต้องการรถที่นำไปใช้ขนของหรือสิ่งผิดกฎหมาย เช่น รถกระบะ 4 ล้อ เป็นต้น

ส่วนวิธีการลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมานั้น พบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวมี 2 วิธีการ ได้แก่ การข้ามพรมแดนปกติผ่านด่านเจดีย์สามองค์ โดยใช้วิธีการปลอมแปลงเอกสารราชการเกี่ยวกับรถ กับอาศัยช่องทางธรรมชาติตามพรมแดนที่สามารถขับรถข้ามไปได้

จึงขอฝากเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อกลุ่มปล่อยสินเชื่อหรือหลอกจำนำรถดังกล่าว หากไม่ใช่กลุ่มทุนที่จดทะเบียนถูกต้องหรือเป็นบริษัทที่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะตามสื่อโซเชียลต่างๆ อย่าได้หลงกลเชื่อ.เพราะมิเช่นนั้นก็จะตกเป็นเหยื่อถูกนำรถไปลักลอบขายตามชายแดนก็เป็นได้.-415.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]