จับแก๊งจำนำรถส่งขายข้ามแดน หลอกเหยื่อสูญกว่า 100 ล้าน

กทม. 17 ม.ค.-ตำรวจทางหลวง เปิดปฏิบัติการ จับแก๊งจำนำรถส่งขายข้ามแดนให้กลุ่มจีนเทา หลอกเหยื่อสูญทรัพย์สินกว่า 100 ล้าน

พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง แถลงเปิดปฏิบัติการ Highway Gray Market จับแก๊งหลอกจำนำรถส่งข้ามแดน พบความเสียหายกว่า 100 ล้าน โดยปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีได้ 7 ราย แบ่งเป็น กลุ่มผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เป็นนายทุนคอยซื้อขายรถโจรกรรมและขายต่อให้นายทุนในประเทศเพื่อนบ้าน 1 ราย กลุ่มนักบินที่ทำหน้าที่วิ่งรับ-ส่งรถจำนำให้กับนายทุน 3 ราย กลุ่มเปิดเพจหลอกรับจำนำรถจากผู้เสียหาย 2 ราย และกลุ่มผู้ดูแลบัญชี 1 ราย ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์


นอกจากนี้ ตำรวจทางหลวงยังได้เข้าตรวจค้นโกดังจอดรถแห่งหนึ่งใน ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สามารถตัวยึดของกลางเป็นรถยนต์จำนวน 23 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถแทรกเตอร์ 1 คัน ซึ่งเชื่อว่ารถทุกคันเตรียมถูกส่งขายต่อไปประเทศเพื่อนบ้าน

โดยในการแถลงข่าวในวันนี้ ทางตำรวจได้พาผู้เสียหายวัย 36 ปี มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนด้วย โดยผู้เสียหายเล่าว่า เนื่องจากตนมีภาวะขัดสนเรื่องการเงิน กอปรกับพบเพจ Facebook ที่มีชื่อว่า “รับจำนำจอดรถจักรยานยนต์ทุกชนิด” ยิงโฆษณาเด้งขึ้นมา ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน จึงได้ทักพูดคุย ซึ่งกว่าตนจะหลงเชื่อก็ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยเป็นการพูดคุยผ่านทางแชท Facebook เพราะเพจนี้ไม่ยอมให้เบอร์โทรศัพท์แต่อย่างใด


กระทั่งเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เพจได้ล่อลวงให้ผู้เสียหายนำรถมาจำนำในราคา 80,000 บาท โดยนัดหมายส่งมอบรถบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ตนจึงนำรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์สีขาว ซึ่งซื้อมาในมูลค่าประมาณ 800,000 บาทมาจำนำ เมื่อถึงวันนัดส่งมอบรถ มีผู้ต้องหา 2 คนมาทำหน้าที่รับรถและมอบเงินสดให้กับผู้เสียหายจำนวน 71,000 บาท โดยอ้างว่าอีก 9,000 บาทหักเป็นค่าดอกเบี้ยและค่าจอดรถ

วันรุ่งขึ้น วันที่ 27 พฤศจิกายน ผู้เสียหายสามารถหาเงินมาได้และได้ติดต่อกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อขอไถ่รถคืน แต่ผู้ต้องหาออกอุบายว่า ต้องโอนเงินอีก 80,000 บาทถึงจะยอมคืนรถ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อกับกลุ่มผู้เสียหายได้อีกเลย เพราะถูกเพจบล็อค จึงได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี และขอความช่วยเหลือมายังสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ให้ติดตามรถที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงไป

ผู้เสียหายยอมรับว่า ไม่รู้ว่าจะสามารถติดตามรถคืนมาได้หรือไม่ แต่ก็ยังคงมีความหวัง เพราะรถคันนี้ตนซื้อมาได้ 7 ปี ยังเหลือผ่อนอีกประมาณ 400,000 บาท ซึ่งต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายเหล่านี้ได้และอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์ว่า อย่าหลงเชื่อเพจเหล่านี้ เพราะเนื่องจากตนถูกเพจของคนร้ายพูดจาหว่านล้อมอย่างดิบดีและอ้างว่าใช้เอกสารเพียงบัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนรถ จึงมองว่าง่ายและเป็นการฝากจำนำรถเพียงแค่แป๊บเดียว รวมทั้งไม่ทำให้เอะใจกับกลุ่มขบวนการดังกล่าวด้วย แต่ก็ไม่นึกว่าจะถูกนำรถไปขายแบบนี้


ด้าน พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางตำรวจทางหลวงได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว จึงเริ่มต้นสืบสวนจากการแกะรอยบัญชีที่ผู้เสียหายโอนไป จนสามารถจับเจ้าของบัญชีได้ ซึ่งจากการสอบปากคำ เจ้าของบัญชีอ้างว่าก็เคยเป็นเหยื่อลูกหนี้ของแก๊งดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากไม่สามารถผ่อนต่อได้ไหว เลยถูกกลุ่มคนร้ายเสนอให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อแลกกับการที่รถจะไม่ถูกนำไปปล่อยในขายในตลาดมืด แต่ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว

หลังจากนั้นทางตำรวจได้ทำการขยายผลเพิ่มเติมจนสามารถจับกุมกลุ่มเจ้าของเพจ Facebook ที่หลอกลวงผู้เสียหายได้ 2 ราย แล้วหลังจากนั้นได้ขยายผลเพิ่มเติมจนสืบทราบว่า กลุ่มหลอกลวงผู้เสียหายจะนำรถที่ได้จากผู้เสียหายไปส่งต่อให้กับกลุ่มนักบินที่อยู่ในพื้นที่ จ.ราชบุรี แล้วหลังจากนั้นกลุ่มนักบินก็จะนำรถมาเก็บไว้ที่โกดังในพื้นที่ ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโกดังของนายทุนใหญ่ โดยจะเก็บรถเอาไว้เพื่อรอคำสั่งซื้อขายจากประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ค่อยลักลอบนำรถข้ามพรมแดนธรรมชาติไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มกราคม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมกลุ่มแก๊งนักบินได้จำนวน 3 รายที่บ้านในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยในจำนวนนี้พบอาวุธปืนมีทะเบียน 1 กระบอก ซึ่งอยู่ในระหว่างการขยายผล ก่อนที่ในเวลาต่อมา วันที่ 14 มกราคม ก็ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโกดังจอดรถใน ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สามารถตรวจยึดรถของการที่กล่าวไว้ข้างต้นและจับกุมนายทุนตัวการใหญ่ได้ 1 คน พร้อมตรวจยึดปืนมีทะเบียนอีก 1 กระบอก

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ แต่จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ขบวนการลักรถดังกล่าวนั้น ได้ก่อเหตุมาแล้ว 2 ปี ลักลอบขายรถยนต์ให้กับกลุ่มนายทุนทั้งในและนอกประเทศร้อยกว่าคัน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่า อาจจะมีเพจ Facebook ที่ร่วมขบวนการเพจอื่น ๆ รวมทั้งกลุ่มนักบินกลุ่มอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ไปจนถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินเชื่อว่า อาจจะมีความเชื่อมโยง กับนายทุนฝั่งเมียนมาและทุนจีนสีเทา

พ.ต.อ.ภคพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นพบว่าอาจจะมีกลุ่มขบวนการที่ปลอมแปลงเอกสารร่วมด้วย โดยการปลอมทะเบียนรถหรือเอกสารอื่นๆ ของรถ เพื่อใช้ตบตาเจ้าหน้าที่ในการข้ามด่านพรมแดน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตรวจสอบขบวนการดังกล่าว ยังเป็นการขายรถสภาพปกติไปยังชายแดน ไม่พบการดัดแปลงตัวถังรถหรือเลขคัสซีขายไปยังชายแดนแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล. เปิดเผยว่า เนื่องจากมีกลุ่มทุนจีนสีเทาไปขยายสร้างอาณาจักรธุรกิจมืดในพื้นที่ชายแดนฝั่งประเทศเมียนมา จึงมีความต้องการรถยนต์เพื่อมาบริการให้กับกลุ่มลูกค้าจีนเทามากขึ้น แต่เนื่องจากฝั่งประเทศเมียนมานั้นรถค่อนข้างหายาก จึงต้องคอยขโมยรถในประเทศไทยไปขายที่ชายแดนประเทศเมียนมา โดยกลุ่มทุนจีนสีเทานั้นมีความต้องการรถยนต์ประเภทรถหรู เช่น Alphard หรือรถเบนซ์ รวมทั้งต้องการรถที่นำไปใช้ขนของหรือสิ่งผิดกฎหมาย เช่น รถกระบะ 4 ล้อ เป็นต้น

ส่วนวิธีการลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมานั้น พบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวมี 2 วิธีการ ได้แก่ การข้ามพรมแดนปกติผ่านด่านเจดีย์สามองค์ โดยใช้วิธีการปลอมแปลงเอกสารราชการเกี่ยวกับรถ กับอาศัยช่องทางธรรมชาติตามพรมแดนที่สามารถขับรถข้ามไปได้

จึงขอฝากเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อกลุ่มปล่อยสินเชื่อหรือหลอกจำนำรถดังกล่าว หากไม่ใช่กลุ่มทุนที่จดทะเบียนถูกต้องหรือเป็นบริษัทที่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะตามสื่อโซเชียลต่างๆ อย่าได้หลงกลเชื่อ.เพราะมิเช่นนั้นก็จะตกเป็นเหยื่อถูกนำรถไปลักลอบขายตามชายแดนก็เป็นได้.-415.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทย 17 ก.ย.-“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย มั่นใจพรรคนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่หวังประโยชน์ส่วนตัว แจงไม่ขัดแย้งกับ รทสช. ชี้เป็นเรื่องภายในพรรค ด้าน “พิพัฒน์” ตั้งเป้ากวาดที่นั่งภาคใต้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าแลนด์บริดจ์ นายชุมพล จุลใส นำ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ และนายสุพล จุลใส 2 สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดตัวเตรียมร่วมงานที่พรรคภูมิใจไทย รวมถึง นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร ที่นำทีมพลังชุมพร 27 คน สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับและสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยให้กับ นายก อบจ. นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งได้ต้อนรับ คณะจากจังหวัดชุมพร ที่มาให้กำลังใจนายอนุทินโดย ได้รับการยืนยันว่า จะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ให้แข็งแกร่งเติบโต และมีความเจริญขึ้น โดยการนำของนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ขอบคุณที่ให้โอกาสภาคภูมิใจไทยได้ไปร่วมทำงานกับพี่น้องจังหวัดชุมพร ทุกคนมีเจตจำนงที่จะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งในสมัยต่อไป นายชุมพล กล่าวว่า ตนขอพูดในนามส่วนตัวว่ามีความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยสามารถนำพาประเทศไปได้และทำทุกอย่างให้ประเทศมีความมั่นคงให้ประเทศเดินไปข้างหน้า […]

วางระเบิด-ยิงซ้ำ ทหารพรานบาดเจ็บ 4 นาย

นราธิวาส 17 ก.ย.-คนร้ายลอบวางระเบิด-ยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ทหารพรานบาดเจ็บ 4 นาย ขณะลาดตระเวนเส้นทางในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 07.53 น. วันที่ 17 กันยายน 2568 เกิดเหตุลอบวางระเบิดและมีการยิงซ้ำ บริเวณบ้านบือราแง ม.3 ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ขณะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานหน่วย ฉก.ทพ.48 กำลังออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทาง เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ได้แก่ 1.จ่าสิบเอก ปิยะ อินทะโกษี ได้รับบาดเจ็บแน่นหน้าอกจากแรงระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณป้อมปืน2.อส.ทพ.สุริยาวุธ ช่างเกวียนดี ได้รับบาดเจ็บภายในรถ ไม่สามารถขยับออกมาได้ ต้องใช้รถกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ แต่ยังมีสติ3.อส.ทพ.ตะวัน สว่างเมฆารัตน์ พลขับ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีสติ4.อส.ทพ.ธีระพงษ์ พรมพัด ซึ่งนั่งอยู่ภายในรถ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีสติ ทั้ง 4 นายถูกนำส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี เพื่อทำการรักษาและตรวจอาการเพิ่มเติม ภายหลังเหตุการณ์ ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและความเข้มงวดในการปฏิบัติการวิทยุสื่อสาร (ว.4) โดยเฉพาะฐานที่ตั้ง […]

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]