กรุงเทพฯ 25 มี.ค. – ศาลอาญาคดีทุจริตฯ รับฝากขัง สารวัตร ตม. ร่วมอุ้มรีดทรัพย์ชาวจีน 10 ล้าน ไม่ยื่นประกันตัว คอตกเข้าเรือนจำ
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง พนักงานสอบสวน สน.ดินเเดงนำตัว พ.ต.ต.จิรภัทร สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ผู้ต้องหาร่วมรีดเงินชาวจีน มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วันต่อศาลในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น ใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือ มิชอบด้วยหน้าที่เป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือ กระทำด้วยประการใดให้ ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือ จำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้ กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่5 คนขึ้นไปอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 309 วรรคสอง, 310 ประกอบมาตรา 83
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าผู้ต้องหากับแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกร้องให้ผู้เสียหายจ่ายเงิน จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อไม่ให้ถูกจับ ผู้เสียหายให้ลูกชายโอนเงินให้แล้ว ร้อยตำรวจโทประวิต กับพวกคืนโทรศัพท์มือถือให้ผู้เสียหายเเล้วปล่อยตัว
โดยพนักงานสอบสวนยื่นท้ายคำร้องคัดค้านประกันตัว เนื่องจากมีเหตุควรเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานเเละก่อเหตุภยันตรายประการอื่น เเละมีพฤติการณ์ขัดขืนไม่มาพบตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อีกทั้งมีการรวมกลุ่มกันเพื่อเตรียมการหลบหนีไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ประกอบกับคดีมีอัตราโทษสูงและผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยร่วมกันกระทำความผิดหลายคน ซึ่งเป็นการกระทำเสื่อมเสียภาพลักษณ์ขององค์กร เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ประกอบกับผู้เสียหายเป็นหญิงซึ่งเกิดความหวาดกลัวเกรงว่าจะได้รับอันตราย
ภายหลังรับคำร้องไว้พิจารณา ศาลอนุญาตฝากขังได้ โดย พ.ต.ต.จิรภัทร ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างฝากขัง ต่อไป .-สำนักข่าวไทย