กรุงเทพฯ 22 เม.ย.- พนักงานสอบสวนคดีพิเศษคุมตัว 3 ผู้ต้องหานอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ไปฝากขังศาลอาญารัชดา ภายหลังสอบนานกว่า 10 ชั่วโมง ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่นายโสภณ อ้างถูกนายประจวบ-นายมานัส ชักชวนให้ทำงาน
ภายหลังจากการสอบสวน 3 ผู้ถือหุ้นคนไทย ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบด้วย นายมานัส, นายประจวบ และนายโสภณ ที่ปรากฏมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น และกรรมการฯ ของบริษัท เป็นเวลานานกว่า 10 ชั่วโมง
เช้าวันนี้ เวลา 09.30 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้คุมตัวทั้ง 3 คน ไปทำการฝากขังศาลอาญารัชดาภิเษก โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น” โดยขณะที่คุมตัวผู้ต้องหา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเป็นผู้ถือหุ้นจริงหรือไม่, ขณะที่ตึก สตง.ถล่มไปอยู่ที่ไหน และเป็นนอมินีหรือไม่ แต่ทั้ง 3 คน ปัดตอบทุกคำถาม ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถตู้ไป
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ระบุว่า ภายหลังจากการสอบปากคำผู้ต้องหาแล้ว เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นนอมินีถือหุ้น โดยทางนายประจวบ และนายมานัส ให้การไม่เป็นประโยชน์ และร้องขอชี้แจงเป็นเอกสารเพิ่มเติม ส่วนนายโสภณ ให้การบางส่วน โดยอ้างว่ารู้จักกับกรรมการชาวจีนทั้ง 2 ราย เนื่องจากนายประจวบ และนายมานัส ทำงานกับบริษัทที่มีชาวจีนเกี่ยวข้องอยู่ จากนั้นตัวเองก็ถูกนายประจวบและนายมานัส ชักชวนให้มาทำงานด้วย ส่วนนอกจากนี้ทางนายโสภณ จะขอชี้แจงเป็นหนังสือมาเพิ่มเติมภายหลัง
ซึ่งการชี้แจงเป็นหนังสือไม่ได้มีผลต่อรูปคดี ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ทุกอย่างที่ให้การจะถูกนำไปพิสูจน์ทั้งหมด โดยจะชี้แจงข้อมูลเพิ่มเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการผู้ถือหุ้นรวมทั้งอำนาจในการบริหาร รวมถึงแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในการลงทุน ซึ่งข้อมูลที่ได้มาจากผู้ต้องหาและที่ดีเอสไอมีอยู่นั้น มีบางส่วนที่ยังไม่ตรงกัน ในเรื่องของแหล่งเงิน ซึ่งเหตุผลที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เข้ามอบตัวช้านั้น เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่า เพิ่งทราบว่ามีหมายจับ แต่ก่อนหน้านี้จะอยู่ด้วยกันทั้ง 3 คนหรือไม่นั้น ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูล นอกจากนี้ยังพบว่าทั้งสามคนประกอบอาชีพค้าขายและรับจ้าง ที่มีรายได้ไม่สูง เฉลี่ยหลักหมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งพบเงินหมุนเวียนในบัญชีของบางคน คงเหลืออยู่แค่หลักหมื่น แต่บางคนหลักล้าน
สำหรับสัดส่วนการถือหุ้น พบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีการถือหุ้นผ่านกรรมการชาวไทยในสัดส่วน 49% โดยแสดงว่าเป็นผู้แทนของบริษัทต่างชาติ โดยในช่วงระหว่างปี 2561 – 2568 มีการเปลี่ยนชื่อและโครงสร้างบริษัทหลายครั้ง ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เงินลงหุ้น และเงินที่ใช้ในธุรกิจซึ่งมาจากการกู้ยืม โดยดีเอสไอมีข้อมูลข้อเท็จจริงบางส่วนแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
เบื้องต้นท้ายคำร้องของพนักงานสอบสวนไม่ได้มีการคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากทั้ง 3 คนนั้นได้เดินทางเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง. -420-สำนักข่าวไทย