ร้องตำรวจไซเบอร์ถูกดูดเงินจากบัญชี

กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – เพจสายไหมต้องรอดพาผู้เสียหายร้องตำรวจไซเบอร์ หลังถูกดูดเงินออกจากบัญชี ล่าสุดพบเหยื่อกว่า 100 ราย ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้กดลิงก์แปลกปลอม ไม่ได้เข้าไวไฟ ไม่ได้ชาร์จที่สาธารณะ กลับถูกแฮก


นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมผู้เสียหาย 20 คน ถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฮกข้อมูลโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกไปจากบัญชีธนาคาร เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดยมี พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ตอท.) เป็นผู้รับเรื่อง โดยผู้เสียหายได้รวบรวมหลักฐานทั้งบันทึกแจ้งความ ข้อความ sms สลิปเงินโอนที่ถูกมิจฉาชีพแฮกออกไป

ล่าสุดมีผู้เสียหายกว่า 100 รายแล้ว มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ลักษณะที่พบคือถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฮกข้อมูลโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ซึ่งตอนนี้พบแทบทุกแอปฯ ธนาคาร และโทรศัพท์ผู้เสียหายที่ใช้ก็มีทั้งระบบแอนดรอยด์และ IOS จากการสอบถามผู้เสียหายค่อนข้างระวังตัวมาก ไม่โหลดแอปพลิเคชันแปลก หรือกดลิงก์แปลกปลอมที่เข้ามา และไม่ได้ใช้สายชาร์จคนอื่น หรือชาร์จในที่สาธารณะ และไม่ได้ใช้ไวไฟสาธารณะด้วย แต่กลับมีข้อความแจ้งเตือนจากธนาคารว่ามีการโอนเงินจากธนาคารตนเองไปยังธนาคารอีกคนปลายทาง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำธุรกรรมแต่อย่างใด โดยผู้เสียหายบางคนถูกแฮกเข้าไปในแอปฯ จนสามารถปรับเพิ่มวงเงินโอนแต่ละวันให้สามารถโอนเงินออกต่อครั้งจนหมดบัญชีได้


หนึ่งในผู้เสียหาย ชาวนครปฐม เล่าว่าเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.65 ธนาคารแจ้งเงินออกจากบัญชี 100,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้โอน ปกติใช้แอปฯ ธนาคารรับโอนเงิน สแกนซื้อของตามร้านค้าปกติ ก่อนหน้านั้นเข้าแอปฯ ไม่ได้ จึงไปติดต่อที่สาขาธนาคาร เพื่อให้ช่วยปลดล็อกแอปฯ ให้ใช้งานได้เหมือนเดิม จากนั้นผ่านไป 2 วัน ช่วงบ่ายวันที่ 29 มือถือหน้าจอค้าง จึงกดปิดเปิดเครื่องใหม่ และนอนหลับไป กระทั่งเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ก็มีข้อความว่าเงินโอนออกไปแล้ว จึงไปแจ้งความที่ สภ.สามพราน ทันที แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องรอประสานกับธนาคารก่อน ซึ่งร้อนใจและรู้สึกว่าการดำเนินการช้าเกินไป จึงต้องมาร้องขอให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ เพราะเงิน 100,000 บาทเป็นเงินที่เก็บออมจากการทำงาน  จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งติดตามให้ได้เงินคืนโดยเร็ว

ขณะที่ นางณภัทรศนัน ชาว กทม. อีกหนึ่งผู้เสียหาย โชว์หลักฐานข้อความที่ถูกมิจฉาชีพสวมรอยแชตเข้ามาคุย  และสลิปเงินที่ถูกโอนออกไปทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้โอน  พร้อมเล่าว่ามี 4 บัญชี โดนดูดเงินออกทุกบัญชี รวมกว่า 400,000 บาทภายในวันเดียว เหตุเกิดวันที่ 12 ม.ค.66 มีข้อความจากแอปฯ ที่ใช้ชอปปิงออนไลน์ส่งข้อความมาเป็นลิงก์ให้กดรับส่วนลดเพิ่ม ซึ่งมาในช่องข้อความเดียวกันกับช่องแชตทางการที่ใช้เป็นประจำ คาดว่ามิจฉาชีพเจาะระบบเข้าไป เพื่อส่งลิ้งมาหลอกตน โดยไม่ทันสังเกตความผิดปกติของข้อความที่ส่งมา จึงเผลอกดเข้าไปมิจฉาชีพยังได้แชตเข้ามาสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่แอปฯ ชอปปิงหลอกให้โหลดและลงทะเบียนอีกแอปฯ จากนั้นเงินก็ถูกโอนออกไปทั้งหมดทุกบัญชี โดยยืนยันว่าไม่เคยผูกบัญชีไว้กับแอปฯ ชอปปิงแต่อย่างใด จึงรีบไปแจ้งความไว้ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ แต่กังวลว่าจะไม่ทันกาล จึงต้องมาร้องเรียนในวันนี้

นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังระบุในบัญชีที่ถูกแฮกเป็นบัญชีเงินเก็บที่ออมไว้ให้ลูก ไม่เคยถอน จึงข้องใจการดำเนินการของธนาคารว่าเมื่อมีการโอนเงินออกแบบผิดปกติ โอนซ้ำ ๆ จากบัญชีเดียวทั้งที่เป็นบัญชีที่ไม่เคยโอนเงินออก ทำไมถึงไม่มีระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ


ด้าน พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ตอท.) กล่าวว่า สอท.จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยเหลือติดตามผู้กระทำผิด เชื่อว่าตรวจสอบได้ไม่ยาก เพราะมีชื่อบัญชีบุคคลปลายทางที่มีการโอนเงินของผู้เสียหายออกไป โดยกรณีผู้เสียหายถูกดูดเงินทั้งที่ไม่เคยกดลิงก์แปลกปลอม แต่กลับถูกแฮกข้อมูลดูดเงินออกไปนั้น ยอมรับว่ามิจฉาชีพมีการใช้เทคโนโลยีซับซ้อน อยากฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง อย่าผูกบัญชีกับแอปฯ ชอปปิงออนไลน์ หรือกดลิงก์แปลก ๆ ที่ส่งเข้ามา ไม่ว่าจะมีข้อความชวนเชื่ออย่างไรก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก