นนทบุรี 6 เม.ย. – FDA ห้ามใช้สารไตรโคลซานในผลิตภัณฑ์ต้านแบคทีเรีย มีผลตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ ชี้ผู้บริโภคอ่านคำแนะนำก่อนใช้ ระบุเป็นสารเคมีอันตราย ส่งผลต่ออาการแพ้ ฮอร์โมน ภูมิคุ้มกัน ระบบนิเวศน์ ทำลายห่วงโซ่อาหาร
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงานสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ถึงการห้ามใช้สาร “ไตรโคลซาน” (Triclosan) ในผลิตภัณฑ์สบู่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ว่า องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ออกคำสั่งห้ามดังกล่าวในผลิตภัณฑ์สบู่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งส่วนผสมต่าง ๆ อีก 18 ชนิด ที่มักจะถูกใช้ในสบู่ประเภทนี้ โดยจะมีผลบังคับใช้ทั่วสหรัฐเดือนกันยายน 2560
ทั้งนี้ FDA ให้เหตุผลว่าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ว่าสบู่ที่ผสมสารเคมีเหล่านี้มีประสิทธิภาพดีกว่าสบู่ธรรมดาหรือน้ำเปล่า อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายรายรวมทั้งรายใหญ่ เช่น พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เริ่มหยุดใช้ส่วนผสมนี้ในผลิตภัณฑ์บางชนิดแล้ว โดยไตรโคลซาน คือ สารเคมีชนิดหนึ่งที่มักใช้ในการผลิตสบู่ประเภทต้านเชื้อแบคทีเรียและบางครั้งใช้ผสมในยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เครื่องสำอาง น้ำยาซักผ้า กระดาษทิชชู เสื้อผ้า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพอีกมากมายหลายชนิด ดังนั้น สารไตรโคลซานที่ดูดซึมผ่านผิวหนังหรือทางช่องปากจะเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานาน มีรายงานหลายฉบับชี้ว่าสารไตรโคลซานอาจทำให้เกิดอาการแพ้ตามผิวหนัง ทำให้ต่อมฮอร์โมนทำงานผิดปกติ กล้ามเนื้อผิดปกติ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และระบบการเจริญพันธุ์มีปัญหา ตลอดจนอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
“ผู้ประกอบการไทยควรตระหนักถึงผลกระทบและหลีกเลี่ยงการผสมสารไตรโคลซานในสินค้า ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายเท่านั้นที่อาจมีสารไตรโคลซานเป็นส่วนผสม แต่ยังรวมถึงที่นอน ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าอื่น ๆ ที่ติดป้ายต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากมักมีการใช้สารไตรโคลซานในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ งานวิจัยบางชิ้นยังระบุด้วยว่าสารไตรโคลซานที่ลงสู่ท่อระบายน้ำออกไปสู่ทะเลยังทำลายแบคทีเรียในระบบนิเวศน์ ทำลายห่วงโซ่อาหาร และเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้สัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมทางทะเลเสียหาย” นางมาลี กล่าว.-สำนักข่าวไทย