ชิคาโก 24 ต.ค.- แมคโดนัลด์ เครือฟาสต์ฟูดรายใหญ่ของโลกได้ระงับการจำหน่ายเมนูเบอร์เกอร์ ที่คาดว่าทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และล้มป่วยอีกเกือบ 50 คน ออกจากสาขาในสหรัฐที่พบว่าปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียอีโคไล
แมคโดนัลด์ได้ระงับการจำหน่ายเมนูควอเตอร์ พาวน์เดอร์ (Quarter Pounder) เป็นแฮมเบอร์เกอร์ที่มีขนาดชิ้นเนื้อใหญ่กว่าเบอร์เกอร์ปกติ 2.5 เท่า ออกจากสาขาราว 1 ใน 5 จากทั้งหมด 14,000 สาขาทั่วสหรัฐ โดยระงับในสาขาที่อยู่ในรัฐโคโรลาโด แคนซัส ยูทาห์ ไวโอมิง และบางสาขาที่อยู่ในไอดาโอ ไอโอวา มิสซูรี มอนแทนา เนแบรสกา เนวาดา นิวเม็กซิโก และโอคลาโฮมา
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 1 คนและล้มป่วย 59 คน ในรัฐทางตะวันตกและมิดเวสต์หรือตะวันตกตอนกลาง ในจำนวนนี้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 10 คน คาดว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มเติม ซีดีซีกำลังตรวจสอบว่า เชื้ออีโคไลปนเปื้อนอยู่ในวัตถุดิบชนิดใด โดยการตรวจสอบมุ่งเน้นไปที่หัวหอมใหญ่ซอย และเนื้อที่ใช้กับเบอร์เกอร์ยักษ์
เหตุการณ์ติดเชื้ออีโคไลจากอาหารเคยเกิดขึ้นในสหรัฐมาแล้วเมื่อปี 2536 ในครั้งนั้นมีเด็กเสียชีวิต 4 คนจากการบริโภคแฮมเบอร์เกอร์ที่ปรุงไม่สุกจากร้าน Jack in the Box เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยของอาหารซึ่งเคยเป็นตัวแทนของเหยื่อจากร้าน Jack in the Box บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นพบว่ามีเชื้ออีโคไลปนเปื้อนอยู่ในหอมหัวใหญ่ สำหรับอาการของผู้ป่วยจะมีทั้งปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องร่วง และอาเจียน โดยจะเริ่มแสดงอาการหลังกินอาหารปนเปื้อนเชื้ออีโคไลเข้าไปราว 3-4 วัน แต่ทางการก็บอกว่าอาการป่วยอาจจะเริ่มขึ้นในช่วงใดก็ได้ภายใน 10 วันหลังจากที่ร่างกายได้รับเชื้ออีโคไลชนิดนี้.-816(814).-สำนักข่าวไทย