กรุงเทพฯ 23 มี.ค.-กรมศุลกากรร่วมองค์การศุลกากรโลกเปิดตัวตัวโครงการด้านความมั่นคงขององค์การศุลกากรโลกเพื่อป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย
โดยเข้มงวดในการควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้า เงินตรา บุคคล
และการคมนาคมข้ามแดนทุกรูปแบบ
นายคุนิโอะ มิคุริยะ เลขาธิการองค์การศุลกากรโลก
(World Customs Organization : WCO) และนายกุลิศ
สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ร่วมแถลงเปิดตัวโครงการด้านความมั่นคงขององค์การศุลกากรโลก
ภายใต้เงินทุนสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่น (Security Project Fund Japan: SPF) ซึ่งนายคุนิโอะ
กล่าวว่า สื่อสังคมออนไลน์ถูกใช้ปฏิบัติการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน
การพัฒนาทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมืองจึงมีมาตรการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน
โดยใช้มาตรการที่จำเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การปราบปรามการก่อการร้าย การสนับสนุนเสียงส่วนน้อยและการยอมรับในสังคมและการพัฒนาขีดความสามารถ
องค์การศุลกากรโลกได้พัฒนาขอบข่ายงานผ่านโครงการด้านความมั่นคง
WCO Security Programme ด้วยการช่วยเหลือทางเทคนิค
ที่เกี่ยวข้องและการพัฒนาขีดความสามารถด้านต่างๆ ได้แก่ การใช้โครงการ Program Global Shield (PGS) ขององค์การศุลกากรโลก
ในฐานะเครื่องมือที่สกัดกั้นองค์การอาชญากรรมไม่ให้เข้าถึงระเบิดแสวงเครื่อง
และป้องกันการลักลอบหลีกเลี่ยงขนส่งเคมีภัณฑ์และสารประกอบอื่น ๆ
เพื่อนำไปผลิตระเบิดแสวงเครื่อง การใช้ประโยชน์จากข้อมูลผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Information :API)
และระบบข้อมูลชื่อผู้โดยสาร
(Passenger Name Records: PNR) ในการประเมินความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ผู้ก่อการร้ายต่างชาติและกลุ่มอื่น ๆ
ทะลักเข้ามาในประเทศและมาตรการที่ป้องกันให้ผู้ก่อการร้ายเข้าถึงอาวุธขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา
(Small arms and light weapons
(SALW)) ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านนายกุลิศ กล่าวว่า
กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญกับบทบาทหน้าที่การควบคุมชายแดนในฐานะเป็นหน่วยแนวหน้าบริเวณชายแดนในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ
และการก่อการร้าย จึงได้เน้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรโดยกำชับให้เข้มงวดในการควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้า
เงินตรา บุคคล และการคมนาคมข้ามแดนทุกรูปแบบ ซึ่งประเทศไทยได้รับการพิจารณาจาก WCO ให้เป็นสถานที่เปิดตัวโครงการฯเนื่องจากเห็นว่า
ประเทศไทยมีความพร้อมมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยกรมศุลกากรจะแสวงหาและสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดทั้งระดับหน่วยงานด้านความมั่นคง
หน่วยงานควบคุมชายแดนของไทย ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ เพื่อใช้มาตรการควบคุมที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ
และการก่อการร้าย-สำนักข่าวไทย