ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 3 ขบวนการขายความเท็จ

ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 3 ขบวนการขายความเท็จ

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย 24 ก.ค. – บทสรุปสุดท้ายของการแกะรอยตรวจสอบขบวนการ “เว็บปลอม” “ข่าวเท็จ” กลวิธีล้ำ-ทำรายได้เพียงใด


.

แม้การแกะรอยจากหน้าเว็บ อาจจะพบทางตัน ตามที่ผู้สร้างเว็บเชื่อว่าจะปกปิดตัวตนได้ แต่เรายังเหลือพื้นที่อื่น ที่น่าสนใจยิ่งนัก…


[ ดูบัญชีรายชื่อ เว็บปลอม กว่า 30 รายการ ได้ด้านล่าง ]

อ่าน “แฉเว็บปลอม” ตอนที่ 1 กับดักโซเชียล (พร้อม 60 หัวข้อข่าวปลอม)

อ่าน “แฉเว็บปลอม” ตอนที่ 2 : ผ่าเว็บปลอม


เว็บนอมินี

จากการเก็บข้อมูล ศึกษาหน้าเว็บข่าวปลอม มากกว่า 80 หน้า ผมพบว่าเว็บเหล่านี้ไม่ได้ทำงานอยู่โดดเดี่ยว หากแต่ทำหน้าที่เป็นแค่เหยื่อล่อแบบ “นอมินี” ให้ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง

ตามที่บอกไปแล้วว่า หน้าเว็บเหล่านี้เป็นหน้าเว็บโดด ๆ ไม่เชื่อมโยงกับใคร จะพอมีโฆษณาบ้างก็เล็กน้อย ดูแล้วเหมือนเป็น “ลิงก์ตาย”

แต่คุณลักษณะที่ดูเหมือนเป็นทางตันนี้ มันกลับช่วยอธิบายให้เราได้เห็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ชัดขึ้นไปอีก

ในเมื่อเป็นเว็บที่ไม่มีลิงก์มาจากไหน ดังนั้น ใครนำไปเผยแพร่เป็นคนแรก ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจต้องรู้เห็นกับการก่อเกิดของหน้าเว็บเหล่านี้

เมื่อใช้สมมติฐานนี้มาจับ เหมือนได้ลอยตัวขึ้นจากทางตันเล็ก ๆ ขึ้นมามองมุมสูง และเมื่อใช้เทคนิคการค้นหาย้อนกลับ

ทำให้พบสิ่งที่ไขปริศนาว่า “เขา” สร้างหน้าเว็บปลอมอันโดดเดี่ยวแบบนี้ขึ้นมาทำไม…

 

เครือข่ายเว็บปลอม

เว็บปลอมทำงานกันเป็นเครือข่าย เปรียบเหมือนโครงสร้างเซลล์ของไวรัสร้าย ที่มีชั้นใจกลางและพิษสงในชั้นนอก

เว็บปลอมที่สร้างขึ้นมาโดด ๆ เป็นใจกลาง ทำหน้าที่ปั้นข้อมูลอันเป็นเท็จ เป็นหน้าเว็บที่พร้อมพลีชีพ พร้อมให้โดนสั่งปิดได้เสมอ เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับใครเลย

เมื่อผู้สร้างทำเว็บปลอมเสร็จ ก็จะดำเนินการสร้างเว็บในวงที่ 2 เป็นเว็บบริวาร เพื่อทำหน้าที่เผยแพร่ผลงานกุข่าวโกหก ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ

แฉ เว็บปลอม 3 : เครือข่ายเว็บปลอม

บริวารด่านแรก หน้าเฟซบุ๊กปลอม ตัวแพร่ข่าว

ผู้สร้างเว็บปลอมคนเดียวกันจะเข้าไปเปิด Facebook ปลอม ซึ่งพบทั้ง 1) แบบปลอมเป็นหน้าเพจดัง ๆ ให้สอดคล้องกับเว็บปลอมที่สร้างขึ้น กับ 2) ปลอมเป็นหน้าเฟซของบุคคล โดยเอารูปคนในต่างประเทศมาสร้างบัญชีลวง

เฟซปลอมแบบหน้าเพจ จะไปขโมยภาพหน้าปก ขโมยรูปโปรไฟล์ มาจากเว็บเป้าหมายของจริง ตั้งชื่อให้เหมือนกับของจริง เพื่อให้คนค้นหาแล้วพลัดหลงมาเจอ เขียนตรงพื้นที่ “เกี่ยวกับ” หลอกว่ามีผู้กดติดตามจำนวนมาก จากนั้นจะโพสต์ข่าวจริงพอเป็นพิธี 6-10 ข่าว ก่อนจะเอาข่าวปลอมมาวาง ซึ่งก็วางได้ 1-3 ข่าวเท่านั้น จากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลย

เฟซปลอมแบบปลอมเป็นบุคคล ก็เช่นเดียวกัน มีการโพสต์รูปย้อนหลังให้ดูสมจริงเล็กน้อย ก่อนจะเอาข่าวปลอมมาโพสต์ เพื่อเป็นต้นทางปล่อยข่าวนั้นให้แพร่กระจายไปบนโซเชียลต่าง ๆ

และในกรณีล่าสุดยังพบว่า มีการสร้างเฟซปลอมของบุคคล เพื่อนำไปเป็นตัวละครกุเรื่องให้ข่าวปลอมดูน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นไปอีก เช่นกรณีข่าว “ยายวัย 93 ปี โดนทิ้ง นอนหนาว ไม่ได้กิน3วันติด อยากกลับบ้าน ช่วยกันแชร์” ในข่าวเขียนว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งแชร์ภาพนี้

ถ้าใครค้นชั้นเดียวก็ต้องเชื่อว่าเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มีตัวตนจริง แต่ถ้าค้นลึกลงไป จะพบว่าไปขโมยรูปภาพส่วนตัวคนอื่นจากต่างประเทศมากุเรื่อง

ดูเผิน ๆ ไม่น่าจะเป็นข่าวปลอม แต่ตรวจสอบแล้ว ก็เป็นข่าวปลอมจริง ๆ คนสร้างเว็บไม่ได้สงสารยาย แต่เอาภาพยายมาสร้างรายได้ให้ตัวเอง

เฟซปลอม ข่าวคุณยาย

บริวารด่านสอง บล็อกข่าวตีสองหน้า ตัวช่วยสร้างคะแนน

เว็บในกลุ่มที่สอง มักจะทำตัวเองเป็นเว็บรวมข่าวสารที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยข่าวแบบ “คลิกเบต” (Clickbait) พวกข่าวที่พาดหัวว่า “คุณอ่านแล้วจะต้องอึ้ง” “ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้แบบนี้” ฯลฯ

เวลาปกติ เว็บพวกนี้จะทำหน้าที่ขโมยหรือแปลข่าวสารที่น่าสนใจ มาพาดหัวใหม่ดึงดูดให้คนเข้ามาอ่าน หน้าเว็บจะเต็มไปด้วยโฆษณามากมาย แต่คนที่เข้ามาอ่านก็จะรู้อยู่แล้วว่าต้องเจออะไร แต่ก็ยังหลงเข้ามาอ่าน

ทำให้เว็บกลุ่มนี้จะมีชื่อเสียงดีระดับหนึ่ง และ เว็บก็มีคะแนนดีในสายตา Google ด้วย เพราะมีเนื้อหาที่ (Google มองว่า) มีคุณภาพ

เว็บกลุ่มนี้จะซุ่มทำตัวเป็นคนแชร์ข่าวทั่วไปในเวลาปกติ แต่พอเกิดข่าวปลอมขึ้น เว็บเหล่านี้จะรู้ก่อนใคร และนำมาตกแต่งจัดหน้าขึ้นเป็นหนึ่งในข่าวของตนเองทันที พร้อมส่งลิงก์ไปเสร็จสรรพ

แน่นอนว่ายิ่งช่วยเพิ่มอันดับให้เนื้อหาในหน้าข่าวปลอมที่เพิ่งสร้างขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม

บริวารด่านสาม บล็อกข่าวปลอม ตัวทำเงิน

เว็บในกลุ่มที่ 3 ดูจะใกล้เคียงกับกลุ่มที่ 2 แต่ “หยาบ” กว่าในเชิงเนื้อหา หมายถึงไม่ค่อยใส่ใจกับการสร้างเนื้อหาที่น่าอ่านมากนัก เน้นไปในทางโฆษณาและข่าวปลอม

เว็บกลุ่มนี้มักจะสร้างด้วย Google Blogger.com บริการพื้นที่บล็อกฟรี ตั้งชื่อให้มีคำว่า “ข่าว” หรือ “khao” สารพัดแบรนด์ จากนั้นก็อัดแน่นด้วยโฆษณาของ Google เต็มไปหมด

เว็บกลุ่มนี้ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก จะทำหน้าที่แพร่กระจายข่าวปลอมต่าง ๆ แทนเว็บข่าวปลอมต้นฉบับ ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ตาม ๆ กัน หรือรู้เห็นเป็นใจกับต้นฉบับ

เมื่อค้นหาข่าวปลอม เราจะมาพบเว็บเหล่านี้ก่อน เมื่อคลิกเข้าไปก็จะหนีไม่พ้นโฆษณาเต็ม ๆ แทบทุกอณู

 

เมื่อกลไกสองชั้นนี้ทำงาน ข่าวก็จะเริ่มแพร่กระจายไปบนโซเชียล บางเว็บหรือเพจใหญ่ ๆ ที่เน้นแต่หาเนื้อหาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็จะนำข่าวปลอมเหล่านี้ไปช่วยแชร์ ขณะที่บุคคลทั่วไปก็จะตกเป็นทั้งเหยื่อและเครื่องมือในการแชร์ต่อไม่รู้จบ

 

แกะรอยรายได้

จากผังโครงสร้างเครือข่ายเว็บปลอม เส้นทางรายได้ที่หลั่งไหลเข้าสู่กระเป๋าคนจัดทำเว็บปลอมเหล่านี้ มีลำดับขั้นตอนดังนี้

เมื่อมีคนคลิกเข้าสู่หน้าเว็บปลอม กลไกโฆษณาจะทำงาน เสมือนว่าเกิดการคลิกเข้าโฆษณาหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งคนที่อยู่เบื้องหลังจะได้ค่าโฆษณาจากจำนวนหน้าที่เปิด

เมื่อตรวจสอบข้อมูลคาดการณ์สถิติ เว็บเหล่านี้อาจจะมีคนหลงเข้าไปมากถึง 5,000 ครั้งต่อวัน หรือถ้าเป็นข่าวที่สร้างความแตกตื่นมาก ๆ อาจจะถึงหลักแสนครั้งต่อวัน

หากเอเยนต์จ่าย 1 เหรียญสหรัฐต่อ CPM (1,000 ครั้งที่โฆษณาถูกเปิด) คำนวณแล้วอาจจะทำเงินให้เขาได้ไม่ต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ หรือ 3,500 บาท-ต่อวัน-ต่อเว็บ!

คำนวณกันเล่น ๆ ถ้ากระแสเว็บข่าวปลอมนั้น แชร์กันแรงประมาณ 2-3 วัน การลงทุนสร้างข่าวปลอมครั้งหนึ่ง จะทำเงินก้อนแรกให้เขาในหลักหมื่น ก่อนที่จะความแตก คนรู้ความจริง และกระแสจะซาลง

นอกจากรายได้จากเว็บปลอมหลัก ๆ แล้ว เว็บบริวารที่ติดโฆษณาทั้งหลายก็ยังมีรายได้จากคลิกโฆษณาอีก ขณะที่เงินบางส่วนก็กระจายไปสู่เว็บของพี่น้องผองเพื่อนที่ร่วมเกาะกระแสไปด้วย

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มีข่าวปลอมราว 100 ข่าว ลองคิดดูแล้วกันว่า หากแต่ละครั้งที่มีข่าวปลอมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา ทำเงินให้ผู้สร้างอย่างน้อยในหลักหมื่นบาทอย่างที่บอก เมื่อบวกคูณกัน เขาจะกอบโกยไปแล้วเท่าไหร่ ?

 

ข่าวเท็จเว็บปลอม วิทยาการล้ำ คุณธรรมด้อย

การสร้างเป็นเครือข่ายร่วมแชร์ข่าวเท็จเช่นนี้ อาจดูเผิน ๆ ไม่มีอะไร แต่ที่จริงแล้วเป็นการใช้หลักทำการตลาดบน Google ที่เรียกว่า SEO (Search Engine Optimization) มาทำให้คะแนนของเว็บไซต์ข่าวปลอมเพิ่มขึ้น

เรียกว่า คนทำมีทั้งความเก่งและความโกง

เมื่อคนทั่วไปค้นหา ก็จะเจอเว็บเหล่านี้เป็นอันดับต้น ๆ ขณะเดียวกัน โฆษณาที่ถูกส่งมาจาก Google ก็จะเป็นโฆษณาชั้นดีที่มีมูลค่าต่อคลิกสูงกว่า

SEO คือเทคนิคหลัก ที่คนร้ายกลุ่มนี้นำมาใช้ ตั้งแต่การตั้งชื่อข่าว คำที่ใช้ในข่าว ลักษณะการเขียนเว็บ การเชื่อมโยงระหว่างกัน

ถือว่างานนี้ “หลอก” Google ได้อยู่หมัด

โดยปกติแล้วเราอาจจะคุ้นเคยกับ SEO ในมุมคนดี สร้างเนื้อหาเพื่อการตลาด “สร้างเว็บให้ตรงใจ” “เขียนข่าวอย่างไรถูกใจ Google” “ค้นอย่างไรก็เจอ”

แต่คราวนี้ SEO ถูกนำมาใช้สนับสนุนสิ่งที่ไม่ถูกต้องบ้าง และใช้อย่างชำนาญการ นั่นแปลได้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเว็บปลอมระลอกนี้ อาจจะต้องมีความรู้เรื่องนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

จับจุด (อ่อน) คนไทย

จากการดำเนินการดังกล่าว คนร้ายที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ สร้างความแตกตื่นเพื่อประโยชน์ของตนเองนี้ ยังรู้พฤติกรรมผู้ใช้งานเป็นอย่างดี เขาเริ่มปล่อยเว็บผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีคนไทยใช้คึกคัก โดยใช้เทคนิคการปลอมตัวและหลอกให้ตายใจ

หน้าเว็บมีการใส่ตัวเก็บสถิติไว้ทุกหน้า แม้จะไม่ละเอียดมาก แต่ก็ทำให้เขารู้และเทียบได้ว่า ยอดที่แต่ละข่าวปลอมสามารถเรียกคนเข้าเว็บได้นั้นเป็นอย่างไร

เมื่อเว็บต่าง ๆ “Go Mobile” หรือมีนโยบาย “Mobile First” คือ ทำเว็บเน้นให้ดูง่ายผ่านมือถือเข้าไว้ คนสร้างเว็บปลอมผู้มีองค์ความรู้ ก็ไม่รอช้า ทำเว็บในยุคหลังให้ตัวมันเองตรวจสอบได้ว่า ถ้าเข้ามาด้วยมือถือระบบไหน ให้ส่งหน้าเว็บที่แตกต่างกันไปให้ เช่น เข้าด้วยคอมพิวเตอร์ไม่โดนโฆษณา แต่ถ้าเข้าด้วยมือถือแอนดรอยด์ จะเด้งโฆษณามากถึง 16 หน้า

และตัวเว็บปลอมเอง ก็ทำให้หน้าตาเป็นหน้าเว็บที่พร้อมดูบนมือถือเสียเลย (ง่ายกว่าเดิมเสียอีก)

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นค่ายกลของขบวนการสร้างเว็บปลอม ที่ใช้เทคนิคความรู้มาหารายได้กับความเท็จ  โดยล่อหลอกให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อและเครื่องมือ

 

สรุปแล้วใครทำ ?

ผมคงไม่สามารถบอกตรงนี้ได้ว่าเป็นใคร แต่หากตามอ่านและทำความเข้าใจกันมาจะพบชัดเจนว่า

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถสร้างเว็บปลอมข่าวเท็จ

  • เขาจะตระเวนหาภาพน่าตกใจจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน
  • จากนั้นนำมาตัดต่อเป็นเรื่องราว
  • ปั้นเนื้อข่าวเป็นภาษาไทยที่สอดคล้องเกาะกระแส
  • ใช้ข้อความอย่างถูกหลัก SEO
  • ใส่ลิงก์โฆษณาแบบ Pop-under
  • ตั้งชื่อไฟล์จากคำในภาษาไทย
  • เก็บในเว็บไซต์ปกปิดแหล่งที่มา
  • รู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี
  • เปิดโซเชียลปลอมไว้ปล่อยข่าว
  • สุดท้ายก็นั่งรอรับเงินก้อนทุก 15 วัน

 

นี่ยังไม่ใช่บทสรุป…

ผมยังมีข้อมูลที่พบอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถนำมาเปิดเผยตรงนี้ได้ แต่ได้ส่งมอบให้กับพนักงานสืบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ไปแล้ว ด้วยมั่นใจว่า ขบวนการนี้ควรจะต้องร่วมรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำกับสังคมไทยในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา

ถึงเวลาคนไทยต้องเปลี่ยน

แต่ทุกวิกฤตปัญหาย่อมมีบทเรียนที่ซ่อนอยู่ ประชาชนคนไทย สามารถใช้ปรากฏการณ์การหลอกลวงออนไลน์ครั้งนี้ มาเป็น “ภูมิคุ้มกัน” ให้กับตนเองได้ ด้วยการ

“ไม่เชื่อเร็วเกินไป” และ “ไม่แชร์ก่อนตรวจความจริง” 

ไม่ว่าเรื่องนั้นจะน่าตกใจหรือดูเหมือนเป็นประโยชน์ขนาดไหนก็ตาม

 

…แล้วประโยคเดิมที่นักวิเคราะห์คนนั้นพูดกับผม ก็เริ่มกลับเข้ามาในหัว

“พวกมันรู้ว่าคนไทยชอบโซเชียล ชอบคลิก ชอบแชร์ มันเลยเลือกลักษณะเด่นนี้ของคนไทยมาทำมาหากิน”

ถึงเวลาที่เราต้องมาจบสิ่งนี้ให้สิ้นซากสักที

 


 

บัญชีรายชื่อเว็บปลอม (บางส่วน)

ข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2559 | รายชื่อเว็บเหล่านี้ มีไว้เพื่อการเฝ้าระวัง ไม่ควรนำชื่อเว็บไซต์ไปทดลองเข้าดูด้วยตนเอง เพราะอาจจะมีโฆษณาหรือซอฟต์แวร์มุ่งร้ายแฝงอยู่

ปลอมเป็น “ข่าวสด” [ เว็บจริง www.khaosod.co.th ]

khaosod.online
khaosod-online.com
khaosod-onlines.com

ปลอมเป็น “เดลินิวส์” [ เว็บจริง www.dailynews.co.th ]

dailynew.org
daily-new.com
dailynewsonlines.com

ปลอมเป็น “คมชัดลึก” [ เว็บจริง www.komchadluek.net ]

komchadluck.com
komct.com

ปลอมเป็น “มติชน” [ เว็บจริง www.matichon.co.th ]

matichorn.com
martichon.com *
maticnon.com *

ปลอมเป็น “ทีวีพูล” [ เว็บจริง www.tvpoolonline.com ]

tvpoolonlines.com
tvonlines.club

ปลอมเป็น “ไทยรัฐ” [ เว็บจริง www.thairath.co.th ]

thairaht.com
thairath-online.com

ปลอมเป็น “บีอีซีเทโร” [ เว็บจริง www.bectero.com ]

bectaro.com
bectero.online

ปลอมเป็น “ช่อง 7″ [ เว็บจริง www.ch7.com ]

news-7.net
7-hd.com
ch7-news.com

ปลอมเป็น “ชิลไปไหน” [ เว็บจริง www.chillpainai.com ]

chillpinai.com

ปลอมเป็น “YouLike”

youlike.online
youlikeonline.com

ปลอมเป็น “Kapook”

news-kapook.com

ปลอมเป็น “SkyNews”

skynewsth.com

ปลอมเป็น “Facebook”

m-faecbook.com

ชื่อเว็บลวง เอาไว้ปลอมให้ดูน่าเชื่อถือ

TH-LLLLLLLLLL.WEBSITE
th-news.com
th-1.website
th.today
thtoday.com
onlinethaithai.com

ปลอมเป็นเว็บกระทรวงฯ

mogpnews.com

ปลอมเป็นเว็บตำรวจกองปราบ

police1195.com

 * ชื่อเว็บปลอมเพิ่งเปิดใหม่เพิ่มเติม


ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
สำนักข่าวไทย อสมท

LINE: @TNAMCOT

พบกันทุกวันในข่าวค่ำ ช่อง 9MCOT HD

ดูชัวร์ก่อนแชร์ ย้อนหลัง http://j.mp/sureyoutube

Facebook ชัวร์ก่อนแชร์ http://facebook.com/SureAndShare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้โดยสารรถทัวร์สยอง นั่งร่วมกับศพจากโคราชถึงลำปาง

ลำปาง 17 มิ.ย. – ไม่รู้นั่งมากับศพทั้งคืน ผู้โดยสารรถทัวร์สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ถึงขนส่งลำปาง ผวาทั้งคัน หลังรถเข้าจอดชานชาลาพบหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบขามีรอยช้ำ เลือดไหล แพทย์คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ช่วง 05.30 น. วานนี้ (16 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสาร สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 38 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง นั่งมากับรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ชั้น 2 ฝั่งซ้ายโซนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งเดียว ขึ้นรถต้นทางจาก จ.นครราชสีมา ปลายทาง จ.ลำปาง โดยรถเข้าจอดที่ชานชาลา เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ได้เชิญผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมชันสูตรศพ ทำเอาผู้โดยสารที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งด้านหน้าและหลัง ถึงกับสยอง […]

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ครูสาวเขียนจดหมายระบายความอัดอั้น ก่อนคิดสั้น-ศธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง

บุรีรัมย์ 17 มิ.ย. – ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น “งานครูหนักและเครียดมากจนทนไม่ไหว” ก่อนตัดสินใจคิดสั้น ด้าน ศธ. สั่งสอบข้อเท็จจริง ยอมรับครูรับภาระหนัก ตำรวจพร้อมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบร่างของครูมัท วัย 39 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ โดยครูตัดสินใจลาโลกด้วยตัวเอง ข้างร่างของครูมีจดหมายลาที่เขียนถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหน้าที่ 1-4 ผู้ตายเขียนถึงพี่สาวซึ่งเป็นข้าราชการครู ลูกสาววัย 10 ขวบ และพ่อแม่ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนถึงการทำงาน ถึงสาเหตุที่ลาโลกใบนี้ เพราะไม่สบายกายและไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งพอกพูนจนแก้ไขได้ยาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะครูมัทเพียงคนเดียว เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน ทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อนเคลียร์เอกสารทีหลัง สุดท้ายนิ่งเฉย ไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเองจนหัวจะระเบิด เป็นไมเกรนแทบทุกวัน […]

สาวโพสต์ถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดัง

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – สาวโพสต์ถูกไฟตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดังดูดมือ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ทำงานไม่ได้ กินข้าวไม่ได้ ชีวิตพัง ห้างโยนภาระให้เดินเอกสารเบิกกับโรงพยาบาลเอง สาวโพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา กำลังขับรถเข้าลานจอดรถห้างฯ แห่งหนึ่ง แล้วลดกระจกเอามือโบกระบบเซ็นเซอร์เพื่อรับบัตรจอด ปรากฏว่าถูกไฟดูดทั้งที่มือไม่ได้แตะโดนเครื่อง เพราะระบบเซ็นเซอร์ไม่ต้องสัมผัสโดน แค่โบกหน้าเครื่อง ตนเองรู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว และชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด คาดว่าไฟฟ้าในเครื่องน่าจะขัดข้อง และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นเลย จะกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือที่ตัวเครื่องก็ไม่กล้า เพราะกลัวถูกไฟดูดรอบ 2 จึงพยายามบีบแตรเรียกหลายครั้งกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหา พอเจ้าหน้าที่มาตนก็บอกว่าถูกไฟดูด แต่เจ้าหน้าที่มาเปิดไม้กั้นให้และไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด จากนั้นรีบเดินไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นชาไปครึ่งตัว เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นานก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอสั่งยาและให้กลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่หายชา ถึงขนาดแขนไม่มีแรงแม้แต่จะเซ็นเอกสาร หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆ เหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าจะหายเองจริงเหรอ เพราะยังทำอะไรไม่ได้เลย ตอนกลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย กินยาคลายกล้ามเนื้อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น […]

ข่าวแนะนำ

สยองหนุ่มลำปางเสียชีวิตบนรถทัวร์ พบติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ

ลำปาง 17 มิ.ย.- จากเหตุหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิตในรถทัวร์จากโคราชกลับบ้านที่ลำปางโดยที่เพื่อนร่วมทางไม่รู้ ผลชันสูตรพบติดเชื้อในกระแสเลือดจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อ ที่เคยระบาดในญี่ปุ่น ซึ่งญาติยืนยันผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว แต่เคยเป็นงูสวัดจนลามไปที่หูและพบอาการขาบวมไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิต ขณะที่แพทย์ระบุหากเกิดแผลมีโอกาสรับเชื้อแบคทีเรียจนเนื้อเน่าได้โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ .-สำนักข่าวไทย

วันแรกห้ามคนไทยไปทำงาน “กาสิโน-สถานบันเทิง” ปอยเปต

กัมพูชา 17 มิ.ย. – ติดตามบรรยากาศวันแรกของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการเดินทางข้ามไปที่กาสิโนฝั่งกัมพูชา ที่ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ด่านที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดระหว่างไทยและกัมพูชา สำหรับวันแรกของมาตรการยกระดับตามคำสั่งกองกำลังบูรพาที่ห้ามไม่ให้คนไทยข้ามไปบ่อนและคาสิโนฝั่งกัมพูชาทั้งคนที่จะข้ามไปทำงานและเล่นการพนัน ในช่วงเช้าก่อนที่จะทราบมาตรการ พบมีคนไทยจำนวนมากนั่งต่อแถวยาวเหยียดตั้งแต่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองยาวไปจนถึงตลาดโรงเกลือระยะทาง 2 กิโลเมตร แต่เมื่อมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงมาตรการที่มีการยกระดับและให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินปรากฏว่าคนไทยที่นั่งต่อแถวได้แยกย้ายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้หลังการยกระดับคำสั่งของกองกำลังบูรพาพบว่าจากเดิมที่มีคนไทยข้ามไปฝั่งปอยเปตเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน วันนี้ปรากฏว่าเป็นคนไทยเดินทางข้ามไปเป็นความบังเอิญที่ตัวเลขทั้งข้ามไปโดย Flowing Pass หรือบัตรผ่านแดนชั่วคราวและข้ามไปโดยพาสปอร์ตมีตัวเลขตรงกันคือมีข้ามไปเพียงอย่างละ 196 คนเท่านั้น โดยมีรายงานว่าสำหรับคนที่ไม่ได้ข้ามไป ถ้าเป็นคนในพื้นที่ที่เคยข้ามไปทำงาน บางส่วนก็กลับไปที่บ้านพัก แต่สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางข้ามไปกาสิโนฝั่งกัมพูชา บางส่วนก็เดินทางกลับต้นทาง แต่บางส่วนที่หวังว่า อาจมีการผ่อนคลายมาตรการ ก็เปิดรีสอร์ตหรือห้องพักต่างๆ ใกล้เคียงด่านเป็นที่พำนัก ทำให้ขณะนี้รีสอร์ตและโรงแรมต่างๆ ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีผู้เข้าพักเต็มในหลายที่ด้วยกัน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่าได้รับคำสั่งจากกองกำลังบูรพาตั้งแต่ค่ำวานนี้และถือปฏิบัติตั้งแต่เวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา ดังนั้นประชาสัมพันธ์ถึงคนไทยที่อยู่ในฝั่งปอยเปตให้รีบเดินทางกลับมายังฝั่งไทยส่วนคนไทยที่จะเดินทางข้ามไปอย่างกัมพูชาหากไม่จำเป็นขอให้งดการเดินทาง ทั้งนี้สำหรับการรองรับหลังมีการควบคุมบริเวณด่านพรมแดนไม่ข้ามไปยังบ่อนกาสิโนฝั่งกัมพูชา พบว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจตระเวนชายแดนและทหารพรานคุมเข้มตั้งแต่ต้นน้ำ และมีรายงานว่ามีการวางกำลังตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาในเขตจังหวัดสระแก้วเช่น เพื่อป้องกันการลักลอบใช้ช่องทางธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังประเทศกัมพูชา.-สำนักข่าวไทย

บอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท กทม.-บางกิจการ ตจว.

กทม. 17 มิ.ย.-แรงงานเฮ! ก.แรงงาน ขับเคลื่อนสำเร็จ “ปลัดบุญสงค์” เผยบอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท พื้นที่กรุงเทพฯ และบางกิจการในต่างจังหวัด เริ่ม 1 ก.ค.นี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 6/2568 มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ในหลายพื้นที่และกลุ่มกิจการทั่วประเทศ โดยถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการยกระดับรายได้ให้กับแรงงานไทย ตามแนวทางนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่มุ่งให้แรงงานไทยมีค่าจ้างที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มติของที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการจากฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล รวม 15 คน มีเสียงเห็นชอบ 2 ใน 3 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ดังนี้•พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทั่วพื้นที่•ต่างจังหวัด ปรับค่าแรง 400 บาท […]

นายกฯ เผยพร้อมอพยพคนไทยออกจากกรุงเตหะราน

พรรคเพื่อไทย 17 มิ.ย.-นายกฯ ย้ำความพร้อมหลังสถานทูตฯ สั่งคนไทยอพยพออกจากกรุงเตหะราน ปัดตอบ “อนุทิน” เตรียมเป็นฝ่ายค้าน หากยึดมหาดไทยคืน เมื่อเวลา 16.45 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ออกแถลงการณ์อพยพคนไทยออกจากกรุงเตหะราน หลังจากสถานการณ์ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้ง แต่เดี๋ยวจะเช็กเลย น่าจะอพยพแล้ว เพราะเตรียมการไว้แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบคำถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า หากกระทรวงมหาดไทยไม่ได้อยู่กับพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับในทันที.-316.-สำนักข่าวไทย