กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม./วินาที ช่วงบ่ายวันนี้ ห่วงผลกระทบพื้นที่ด้านท้าย จึงปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้น้ำเหนือระบายสู่อ่าวไทยได้มีประสิทธิภาพขึ้น
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันนี้ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลบ.ม./วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที
ทั้งนี้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนที่ได้รับผลกระทบได้แก่
- อ.มโนรมย์ (ต.ท่าฉนวน ต.ศิลาดาน ต.วัดโคก ต.คุ้งสำเภา) จ.ชัยนาท
- อ.วัดสิงห์ (ต.มะจามเฒ่า ต.วัดสิงห์) จ.ชัยนาท
- อ.เมืองชัยนาท (ต.ธรรมามูล ต.หาดท่าเสา ต.เขาท่าพระ ต.ท่าชัย ต.บ้านกล้วย ต.ชัยนาท)
กรมชลประทานจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ย.) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ โดยจะทำให้พื้นที่นอกคั้นกันน้ำบริเวณด้านท้ายเขื่อนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม ระดับน้ำที่ท่วมขังสูงขึ้น ดังนี้
- คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง
- คลองบางบาล ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา
- ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย
หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป
กรมชลประทานได้เพิ่มมาตรการจัดจราจรน้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ด้วยการทยอยลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่จะไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้การระบายน้ำเหนือออกทะเลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับลดการระบายน้ำจากเดิมอัตรา 150 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะคงอัตรานี้จนถึงวันที่ 14 กันยายน 2568 จากนั้นจะทยอยปรับลดอีกครั้งต่อไป
ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำ 464.60 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 48.40% มีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 375.87 ลบ.ม./วินาที หรือ 32.47 ล้าน ลบ.ม./วัน ส่วนการระบายน้ำที่ 100.53 ลบ.ม./วินาที จะเท่ากับระบาย 8.68 ล้าน ลบ.ม./วัน การปรับลดการระบายน้ำในอัตราดังกล่าวจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อน ลดลงจากเดิมอีกประมาณ 0.30 – 0.50 เมตร ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบแล้ว
อย่างไรก็ตาม ระยะนี้กรมอุตุนิยมวิทยายังคงคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกกระจายหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนกลางประเทศ รวมถึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังพัดปกคลุมต่อเนื่อง จึงขอให้ติดตามการรายงานสถานการณ์น้ำจากกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด.- 512 – สำนักข่าวไทย