ทอท.เล็งตั้งบริษัทลูกแก้ปัญหารื้อค้นลักทรัพย์ผู้โดยสาร

กรุงเทพฯ  10 มี.ค. – สนามบินสุวรรณภูมิร่วมกับสายการบินผู้ให้บริการภาคพื้นและตำรวจชี้แจงข้อเท็จจริงด้านการบริหารจัดการขนถ่ายสัมภาระผู้โดยสาร และมาตรการป้องกันการลักทรัพย์จากกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร  เล็งตั้งบริษัทลูกแก้ปัญหารื้อค้นลักทรัพย์ผู้โดยสารผ่านระบบตรวจค้น


นายศิโรตม์  ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. พร้อมด้วยนายหลุยส์  มอเซอร์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ นางภัครา  เรืองศิระเดโช ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) น.ท.สุธน  ยาปาน ผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคง บริษัท บริการภาคพื้น การบินกรุงเทพ เวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (BFS) และ พ.ต.อ. มนเทียร  เบ้าทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมแถลงข่าวมาตรการการป้องกันการลักทรัพย์จากกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร

นายศิโรตม์ เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้เผยแพร่ข้อความภาพและคลิปวิดีโอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทั้งทางไลน์ และทางเฟสบุ๊คในนามว่า Montakan  Tangsanga เตือนภัยผู้ใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ไม่ให้ใส่ทรัพย์สินของมีค่าไปในกระเป๋าสัมภาระ เนื่องจากกระเป๋าของผู้โพสต์และผู้เดินทางในคณะบางคนถูกรื้อค้นและแม่กุญแจถูกตัด โดยผู้โพสต์ไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่สายการบินและลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว ซึ่งข้อความดังกล่าวได้รับการเผยแพร่และถูกแชร์อย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ทสภ.อย่างมาก จึงจำเป็นต้องมีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนและสาธารณชนทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้โดยสารและทรัพย์สินสัมภาระของผู้โดยสารที่ใช้บริการ ณ ทสภ. ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่าเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2560 ทสภ.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้โดยสารชื่อว่า Ms.Jantarash Arunnaveesiri, Montakan Tangsanga และคุณอวยชัย ตั้งสง่า โดยผู้โดยสารได้เดินทางโดยสายการบินพีช เอวิเอชั่น เที่ยวบิน MM 990 จาก ทสภ. ปลายทางโอกินาวา เมื่อคืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 พบว่ากระเป๋าสัมภาระถูกรื้อค้นและได้รับความเสียหาย จึงต้องการให้สายการบินฯ รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อภายหลังได้รับข้อร้องเรียนดังกล่าว ทสภ. ได้มีหนังสือแจ้งสายการบินให้ทราบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ดำเนินการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และสายพานคัดแยกกระเป๋า (Make Up Unit : MU) เพื่อดูภาพกระเป๋าของผู้ร้องเรียนย้อนหลัง ซึ่งไม่พบความผิดปกติหรือมีผู้ใดไปแตะต้องกระเป๋าดังกล่าวในระหว่างอยู่ในระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าที่อยู่ในการดำเนินงานของ ทสภ. แต่อย่างใด


โดยกระเป๋าของผู้ร้องเรียนทั้ง 3 ใบ ใช้ระยะเวลาลำเลียงประมาณ 11 – 17 นาที ซึ่งเป็นเกณฑ์เวลาปกติ (เวลาปกติ กระเป๋าจะใช้เวลาเฉลี่ยอยู่บนสายพานฯ 10 – 15 นาที และหากช่วงเวลาที่มีกระเป๋าอยู่บนสายพานจำนวนมาก จะใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 15 -20 นาที ) อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นกระเป๋าดังกล่าวถูกพนักงานขนถ่ายสัมภาระของสายการบิน ซึ่งดำเนินการโดย BFS ขนเข้ารถ Dolly นำไปขึ้นเครื่องต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินงานในส่วนที่ ทสภ. รับผิดชอบไม่ได้สร้างความเสียหายต่อกระเป๋าของผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นายศิโรตม์ กล่าวว่า การดำเนินงานด้านการขนถ่ายสัมภาระและดูแลรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินและสัมภาระของผู้โดยสารตามมาตรฐานสากลทั่วโลกถือปฏิบัติต้องเป็นหน้าที่ของสายการบิน โดยในส่วนของประเทศไทยกำหนดความรับผิดชอบอย่างชัดเจนไว้ในแผนรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ (NATIONAL CIVIL AVAITION PROGRAMME) ข้อ 8.2.5 ระบุว่า “ การปกป้องสัมภาระลงทะเบียน (Hold Baggage) 1.  ผู้ดำเนินการเดินอากาศ ต้องแน่ใจว่าจะรับสัมภาระฯ เฉพาะผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสาร และเฉพาะจากตัวแทนที่มีความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวหรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาตจากผู้ดำเนินการเดินอากาศ  2.  สัมภาระฯ ทุกชิ้นที่จะถูกพาไปกับอากาศยานจะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากการแทรกแซงที่ผิดกฎหมาย นับจากจุดตรวจค้นหรือจากจุดที่รับสัมภาระฯ ดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ดำเนินการเดินอากาศ จากสนามบินต้นทางรวมถึงอากาศยานเปลี่ยนลำจนกระทั่งถึงจุดที่สัมภาระฯ ถูกส่งคืนให้ผู้โดยสาร ณ จุดปลายทาง หรือ ณ จุดแวะเปลี่ยนสัมภาระฯ ดังกล่าวไปอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ดำเนินอากาศ ” และแผนรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน (AIRPORT SECURITY PROGRAMME : ASP) 5.10 ผู้ดำเนินการเดินอากาศ  ข้อ 5.10.2 ระบุว่า “หน้าที่รับผิดชอบเฉพาะของผู้ดำเนินการเดินอากาศ มีดังนี้ ข้อ (ฉ) แน่ใจว่าสัมภาระที่จะเก็บใต้ท้องอากาศยานที่ได้รับการตรวจค้นแล้วนั้นได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยจากทางเข้าออกที่ไม่ได้รับอนุญาต จุดตรวจรับบัตรโดยสาร จุดตรวจค้นหรือสิ่งใดก็ตามก่อนหน้านี้ จนกระทั่งถูกนำขึ้นบรรจุที่เก็บสัมภาระใต้ท้องอากาศยานและต่อจากนั้นจนกระทั่งถูกส่งไปให้ผู้โดยสารยังจุดหมายปลายทางได้รับเรียบร้อย ”

อย่างไรก็ตาม ทสภ.ในฐานะผู้ให้บริการท่าอากาศยานจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้  ซึ่งที่ผ่านมา ทสภ.ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้บริการอันดับหนึ่ง และมีการกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่คัดแยกกระเป๋าสัมภาระ (Sorting Area) อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการลักทรัพย์สินจากสัมภาระผู้โดยสาร โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วย การจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรวจตราดูแลในพื้นที่ การจัดให้มีชุดตรวจร่วมรักษาความปลอดภัยในบริเวณพื้นที่คัดแยกกระเป๋า ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากฝ่ายบริการภาคพื้นอุปกรณ์ภาคพื้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์เซอร์วิส จำกัด (BFS) การควบคุมช่องทางเข้า – ออกของผู้ปฏิบัติงาน โดยมีการตรวจสอบพนักงานขนถ่ายสัมภาระที่จะเข้าไปปฏิบัติงานในเขตการบินจะต้องมีการตรวจบัตรรักษาความปลอดภัยสำหรับบุคคลและยานพาหนะ ที่ผ่านเข้า – ออก ทุกครั้ง รวมทั้งมีการตรวจค้นร่างกายบุคคลและยานพาหนะอย่างละเอียด ทั้งก่อนเข้าและก่อนออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันการลักลอบนำทรัพย์สินที่ขโมยออกนอกพื้นที่ การกำหนดชุดเครื่องแบบสำหรับพนักงานขนถ่ายสัมภาระต้องไม่มีกระเป๋าติดกับเสื้อผ้ารวมทั้งจะต้องกำหนดรหัสพนักงานและสัญลักษณ์สังกัดของผู้ปฏิบัติงานอย่างชัดเจน รวมถึงมีข้อห้ามไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานนำทรัพย์สินติดตัวเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติงาน โดย ทสภ. จะอนุญาตเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น อาทิ ปากกา ยา ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น และหากมีความจำเป็นต้องนำสิ่งของเข้าพื้นที่ อาทิ กล้องถ่ายรูป โน็ตบุ๊ค หรือแท็ปเล็ต ต้องสำแดงและบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง


นายศิโรตม์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่คัดแยกกระเป๋าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทสภ.ยังได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ดำเนินงานของระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติจะเข้าระงับเหตุโดยทันที ทั้งนี้ ทสภ.ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทสภ. ได้มีการถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด และหากมีการพบการกระทำความผิด ทสภ.จะยึดบัตรรักษาความปลอดภัยบุคคล และนำรายชื่อขึ้นบัญชีดำ (Black List) ในระบบการออกบัตรรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้บุคคลดังกล่าวสามารถเข้าพื้นที่เขตห้ามของ ทสภ. ได้อีก รวมทั้งส่งตัวผู้กระทำความผิดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้  เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทสภ.ได้มีการประชุมร่วมกับบริษัทให้บริการภาคพื้น (Ground Handling)  ที่ได้รับสัมปทานจาก ทสภ.  2 ราย คือ ฝ่ายบริการภาคพื้นอุปกรณ์ภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์เซอร์วิส จำกัด (BFS) ให้กำกับดูแลผู้ปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด มีการดำเนินงานที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ ทอท. กำหนด ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดไม่สามารถควบคุมดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน และปล่อยให้มีการกระทำความผิดดังกล่าวอีก ซึ่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ ทสภ.และประเทศชาติ ทอท.ในฐานะผู้ให้สิทธิ์จะพิจารณายกเลิกสัญญาได้ นอกจากนี้ ทอท. กำลังพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการจัดตั้งบริษัทลูกเข้ามาบริหารจัดการดูแลด้านการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารรวมทั้งดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถควบคุมและป้องกันดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินของผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยยังมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

รวบ ผอ.กองช่าง เรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก

ปทุมธานี 11 ก.ย. – หลักฐานคาโต๊ะ! ป.ป.ช. สนธิกำลังตำรวจ บุกจับ ผอ.กองช่างเทศบาลหลักหก จ.ปทุมธานี คาห้องทำงาน พร้อมเงินสดของกลาง 1.9 แสนบาท หลังเรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก 8 ชั้น ด้านเจ้าตัวปฏิเสธ อ้างผู้เสียหายนำมาให้เอง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 1 นำโดย น.ส.ชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 1 วางแผนร่วมกับชุดสืบสวนสำนักงาน ป.ป.ช. และตำรวจสืบสวนภูธรภาค นำหมายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เข้าตรวจค้น พร้อมจับกุมนายวีระเชษฐ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลหลักหก จ.ปทุมธานี ภายในห้องทำงาน เทศบาลตำบลหลักหก หลังมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ขออนุญาตถมดินและขออนุญาตก่อสร้างอาคาร พร้อมตรวจยึดเงินของกลาง ซุกซ่อนอยู่ที่พื้นใต้ลิ้นชักโต๊ะทำงาน 190,000 บาท เบื้องต้นจากการตรวจหมายเลขธนบัตร ตรงกับสำเนาธนบัตรที่ผู้เสียหายนำไปมอบให้กับนายวีระเชษฐ์ ก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายสำเนาและลงรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้เป็นหลักฐาน […]

ปิดล้อมไล่ล่าผู้ก่อเหตุ หลังปะทะเดือดสะบ้าย้อย 2 ระลอก

สงขลา 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง วางกำลังปิดล้อมพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก พบผู้ก่อเหตุมีหมายจับคดีความมั่นคง หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ วางกำลังบนถนนเส้นทางเข้าออกพื้นที่ปะทะ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าเขตปะทะอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ยังคงมีการปิดล้อมบริเวณเนินเขา เพื่อไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดและกระเป๋าเป้ถูกทิ้งไว้บนเนินเขา บริเวณจุดปะทะ คาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นมีข้อมูลว่า เป็นกลุ่มของนายกอเซ็ง ลาเตะยามา อายุ 35 ปี ชาว อ.ยะหา จ.ยะลา ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งมีหมายจับ 7 หมาย และนายฮุสนี ยีกะเส็ม อายุ 34 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา มีหมายจับ […]

กักสิงโตสวนสัตว์ดัง-ปรับพฤติกรรม

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ สั่งกักสิงโตสวนสัตว์ดัง เพื่อปรับพฤติกรรม แยกเพศ-เฝ้าสังเกตใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่สวนสัตว์ดัง ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์เสียชีวิต โดยได้สั่งการให้กักสิงโตทั้งหมดในฝูงที่ก่อเหตุไว้ในกรงชั่วคราว แยกสิงโตเพศผู้และเพศเมีย เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในระยะใกล้ สำหรับสิงโตที่เข้าตะปบเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต เป็นตัวผู้ โดยสิงโตร่วมฝูงมี 7 ตัว แต่ที่เข้ารุมกัดเจ้าหน้าที่มี 5 ตัว ได้แก่ 1) ทรัมป์ (เพศผู้) ตัวตะปบ 2) ไบท์ (เพศผู้) ตัวตาม 3) อ้อน (เพศเมีย) ตัวตาม 4) อ้าย (เพศเมีย) ตัวตาม 5) ยาว (เพศเมีย) ตัวตาม ทั้งนี้ สิงโตทุกตัวอายุประมาณ 10 ปี พร้อมกันนี้ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำลังตรวจสอบมาตรการความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้เปิดส่วนจัดแสดงสัตว์ดุร้าย […]