ทอท.เล็งตั้งบริษัทลูกแก้ปัญหารื้อค้นลักทรัพย์ผู้โดยสาร

กรุงเทพฯ  10 มี.ค. – สนามบินสุวรรณภูมิร่วมกับสายการบินผู้ให้บริการภาคพื้นและตำรวจชี้แจงข้อเท็จจริงด้านการบริหารจัดการขนถ่ายสัมภาระผู้โดยสาร และมาตรการป้องกันการลักทรัพย์จากกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร  เล็งตั้งบริษัทลูกแก้ปัญหารื้อค้นลักทรัพย์ผู้โดยสารผ่านระบบตรวจค้น


นายศิโรตม์  ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. พร้อมด้วยนายหลุยส์  มอเซอร์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ นางภัครา  เรืองศิระเดโช ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) น.ท.สุธน  ยาปาน ผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคง บริษัท บริการภาคพื้น การบินกรุงเทพ เวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (BFS) และ พ.ต.อ. มนเทียร  เบ้าทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมแถลงข่าวมาตรการการป้องกันการลักทรัพย์จากกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร

นายศิโรตม์ เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้เผยแพร่ข้อความภาพและคลิปวิดีโอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทั้งทางไลน์ และทางเฟสบุ๊คในนามว่า Montakan  Tangsanga เตือนภัยผู้ใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ไม่ให้ใส่ทรัพย์สินของมีค่าไปในกระเป๋าสัมภาระ เนื่องจากกระเป๋าของผู้โพสต์และผู้เดินทางในคณะบางคนถูกรื้อค้นและแม่กุญแจถูกตัด โดยผู้โพสต์ไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่สายการบินและลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว ซึ่งข้อความดังกล่าวได้รับการเผยแพร่และถูกแชร์อย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ทสภ.อย่างมาก จึงจำเป็นต้องมีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนและสาธารณชนทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้โดยสารและทรัพย์สินสัมภาระของผู้โดยสารที่ใช้บริการ ณ ทสภ. ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่าเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2560 ทสภ.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้โดยสารชื่อว่า Ms.Jantarash Arunnaveesiri, Montakan Tangsanga และคุณอวยชัย ตั้งสง่า โดยผู้โดยสารได้เดินทางโดยสายการบินพีช เอวิเอชั่น เที่ยวบิน MM 990 จาก ทสภ. ปลายทางโอกินาวา เมื่อคืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 พบว่ากระเป๋าสัมภาระถูกรื้อค้นและได้รับความเสียหาย จึงต้องการให้สายการบินฯ รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อภายหลังได้รับข้อร้องเรียนดังกล่าว ทสภ. ได้มีหนังสือแจ้งสายการบินให้ทราบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ดำเนินการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และสายพานคัดแยกกระเป๋า (Make Up Unit : MU) เพื่อดูภาพกระเป๋าของผู้ร้องเรียนย้อนหลัง ซึ่งไม่พบความผิดปกติหรือมีผู้ใดไปแตะต้องกระเป๋าดังกล่าวในระหว่างอยู่ในระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าที่อยู่ในการดำเนินงานของ ทสภ. แต่อย่างใด


โดยกระเป๋าของผู้ร้องเรียนทั้ง 3 ใบ ใช้ระยะเวลาลำเลียงประมาณ 11 – 17 นาที ซึ่งเป็นเกณฑ์เวลาปกติ (เวลาปกติ กระเป๋าจะใช้เวลาเฉลี่ยอยู่บนสายพานฯ 10 – 15 นาที และหากช่วงเวลาที่มีกระเป๋าอยู่บนสายพานจำนวนมาก จะใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 15 -20 นาที ) อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นกระเป๋าดังกล่าวถูกพนักงานขนถ่ายสัมภาระของสายการบิน ซึ่งดำเนินการโดย BFS ขนเข้ารถ Dolly นำไปขึ้นเครื่องต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินงานในส่วนที่ ทสภ. รับผิดชอบไม่ได้สร้างความเสียหายต่อกระเป๋าของผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นายศิโรตม์ กล่าวว่า การดำเนินงานด้านการขนถ่ายสัมภาระและดูแลรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินและสัมภาระของผู้โดยสารตามมาตรฐานสากลทั่วโลกถือปฏิบัติต้องเป็นหน้าที่ของสายการบิน โดยในส่วนของประเทศไทยกำหนดความรับผิดชอบอย่างชัดเจนไว้ในแผนรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ (NATIONAL CIVIL AVAITION PROGRAMME) ข้อ 8.2.5 ระบุว่า “ การปกป้องสัมภาระลงทะเบียน (Hold Baggage) 1.  ผู้ดำเนินการเดินอากาศ ต้องแน่ใจว่าจะรับสัมภาระฯ เฉพาะผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสาร และเฉพาะจากตัวแทนที่มีความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวหรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาตจากผู้ดำเนินการเดินอากาศ  2.  สัมภาระฯ ทุกชิ้นที่จะถูกพาไปกับอากาศยานจะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากการแทรกแซงที่ผิดกฎหมาย นับจากจุดตรวจค้นหรือจากจุดที่รับสัมภาระฯ ดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ดำเนินการเดินอากาศ จากสนามบินต้นทางรวมถึงอากาศยานเปลี่ยนลำจนกระทั่งถึงจุดที่สัมภาระฯ ถูกส่งคืนให้ผู้โดยสาร ณ จุดปลายทาง หรือ ณ จุดแวะเปลี่ยนสัมภาระฯ ดังกล่าวไปอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ดำเนินอากาศ ” และแผนรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน (AIRPORT SECURITY PROGRAMME : ASP) 5.10 ผู้ดำเนินการเดินอากาศ  ข้อ 5.10.2 ระบุว่า “หน้าที่รับผิดชอบเฉพาะของผู้ดำเนินการเดินอากาศ มีดังนี้ ข้อ (ฉ) แน่ใจว่าสัมภาระที่จะเก็บใต้ท้องอากาศยานที่ได้รับการตรวจค้นแล้วนั้นได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยจากทางเข้าออกที่ไม่ได้รับอนุญาต จุดตรวจรับบัตรโดยสาร จุดตรวจค้นหรือสิ่งใดก็ตามก่อนหน้านี้ จนกระทั่งถูกนำขึ้นบรรจุที่เก็บสัมภาระใต้ท้องอากาศยานและต่อจากนั้นจนกระทั่งถูกส่งไปให้ผู้โดยสารยังจุดหมายปลายทางได้รับเรียบร้อย ”

อย่างไรก็ตาม ทสภ.ในฐานะผู้ให้บริการท่าอากาศยานจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้  ซึ่งที่ผ่านมา ทสภ.ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้บริการอันดับหนึ่ง และมีการกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่คัดแยกกระเป๋าสัมภาระ (Sorting Area) อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการลักทรัพย์สินจากสัมภาระผู้โดยสาร โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วย การจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรวจตราดูแลในพื้นที่ การจัดให้มีชุดตรวจร่วมรักษาความปลอดภัยในบริเวณพื้นที่คัดแยกกระเป๋า ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากฝ่ายบริการภาคพื้นอุปกรณ์ภาคพื้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์เซอร์วิส จำกัด (BFS) การควบคุมช่องทางเข้า – ออกของผู้ปฏิบัติงาน โดยมีการตรวจสอบพนักงานขนถ่ายสัมภาระที่จะเข้าไปปฏิบัติงานในเขตการบินจะต้องมีการตรวจบัตรรักษาความปลอดภัยสำหรับบุคคลและยานพาหนะ ที่ผ่านเข้า – ออก ทุกครั้ง รวมทั้งมีการตรวจค้นร่างกายบุคคลและยานพาหนะอย่างละเอียด ทั้งก่อนเข้าและก่อนออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันการลักลอบนำทรัพย์สินที่ขโมยออกนอกพื้นที่ การกำหนดชุดเครื่องแบบสำหรับพนักงานขนถ่ายสัมภาระต้องไม่มีกระเป๋าติดกับเสื้อผ้ารวมทั้งจะต้องกำหนดรหัสพนักงานและสัญลักษณ์สังกัดของผู้ปฏิบัติงานอย่างชัดเจน รวมถึงมีข้อห้ามไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานนำทรัพย์สินติดตัวเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติงาน โดย ทสภ. จะอนุญาตเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น อาทิ ปากกา ยา ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น และหากมีความจำเป็นต้องนำสิ่งของเข้าพื้นที่ อาทิ กล้องถ่ายรูป โน็ตบุ๊ค หรือแท็ปเล็ต ต้องสำแดงและบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง


นายศิโรตม์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่คัดแยกกระเป๋าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทสภ.ยังได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ดำเนินงานของระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติจะเข้าระงับเหตุโดยทันที ทั้งนี้ ทสภ.ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทสภ. ได้มีการถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด และหากมีการพบการกระทำความผิด ทสภ.จะยึดบัตรรักษาความปลอดภัยบุคคล และนำรายชื่อขึ้นบัญชีดำ (Black List) ในระบบการออกบัตรรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้บุคคลดังกล่าวสามารถเข้าพื้นที่เขตห้ามของ ทสภ. ได้อีก รวมทั้งส่งตัวผู้กระทำความผิดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้  เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทสภ.ได้มีการประชุมร่วมกับบริษัทให้บริการภาคพื้น (Ground Handling)  ที่ได้รับสัมปทานจาก ทสภ.  2 ราย คือ ฝ่ายบริการภาคพื้นอุปกรณ์ภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์เซอร์วิส จำกัด (BFS) ให้กำกับดูแลผู้ปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด มีการดำเนินงานที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ ทอท. กำหนด ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดไม่สามารถควบคุมดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน และปล่อยให้มีการกระทำความผิดดังกล่าวอีก ซึ่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ ทสภ.และประเทศชาติ ทอท.ในฐานะผู้ให้สิทธิ์จะพิจารณายกเลิกสัญญาได้ นอกจากนี้ ทอท. กำลังพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการจัดตั้งบริษัทลูกเข้ามาบริหารจัดการดูแลด้านการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารรวมทั้งดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถควบคุมและป้องกันดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินของผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]