คณะพูดคุยสันติสุขฯ ระบุการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยในจังหวัดชายแดนใต้

682กองทัพบก 16 มี.ค.-คณะพูดคุยสันติสุขฯ ระบุใช้เวลา 6 เดือน กำหนดพื้นที่ปลอดภัยชายแดนใต้ นำร่อง 1 อำเภอ ขีดเส้นเหตุเกิดไม่เกิน 3 ครั้ง พิสูจน์คนทำไม่ได้ ยกเลิกพื้นที่ปลอดภัย


พล.ต.สิทธิ ตระกูลวงศ์ เลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำตัวแทนคณะพูดคุยฯ ตอบข้อซักถามสื่อมวลชน ถึงความคืบหน้าในการพูดคุยฯ ว่า ฝ่ายไทยและผู้เห็นต่างได้กำหนดพื้นที่ปลอดภัย (เซฟตี้โซน) ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เบื้องต้น 5 พื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยคณะทำงานเทคนิคร่วม 2 ฝ่ายจะพิจารณาจากเกณฑ์คัดเลือก คือ เป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรงบ่อยครั้ง สามารถควบคุมการปฏิบัติได้ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการสำรวจประมาณ 1 เดือน จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคือการเตรียมพื้นที่ ใช้เวลา 3 เดือน จากนั้นจะเข้าสู่ช่วงจัดตั้งพื้นที่และประเมินผล ซึ่งใช้เวลา 3 เดือนเช่นกัน โดยจะมีคณะกรรมการบริหารจัดการพื้นที่ปลอดภัย ที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายผู้เห็นต่าง และประชาชนในพื้นที่ เบื้องต้นพื้นจะนำร่องใน 1 อำเภอ

“การกำหนดพื้นที่ปลอดภัยหรือเซฟตี้โซน ถือเป็นมาตรการทดสอบความไว้วางใจระหว่างกันของฝ่ายรัฐและฝ่ายผู้เห็นต่าง ซึ่งปัจจุบันยังเกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน 2.เป็นการลดจำนวนเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น และ 3.เพื่อให้คนในพื้นที่ได้รับการพัฒนาในสิ่งที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุรุนแรงนอกเหนือจากกลุ่มก่อความไม่สงบ นั่นคือภัยแทรกซ้อน เช่น ยาเสพติด ค้าน้ำมันเถื่อน การเมืองท้องถิ่น จึงได้มีการกำหนดร่วมกันเบื้องต้นว่าในพื้นที่ปลอดภัยจะเกิดเหตุรุนแรงได้ไม่เกิน 3 ครั้ง และจะต้องพิสูจน์ทราบร่วมกันว่าใครเป็นคนทำ แต่ถ้าหากหาคนรับผิดชอบไม่ได้ ก็จะยกเลิกพื้นที่ปลอดภัย” พล.ต.สิทธิ กล่าว


ด้านนายธวัชชัย ฤทธากรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติด้านการข่าวกรองและต่อต้านข่าวกรองต่างประเทศ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ หนึ่งในคณะพูดคุยฝ่ายไทย กล่าวว่า กลุ่มผู้เห็นต่างที่มาร่วมพูดคุยกับฝ่ายไทยทั้งหมดมีรายชื่ออยู่ในบัญชีด้านความมั่นคง ซึ่งคงไม่ต้องระบุว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่ยอมรับว่าในแต่ละกลุ่ม เช่น บีอาร์เอ็นก็มีกลุ่มย่อยออกไป ซึ่งบางกลุ่มก็ยังไม่สามารถควบคุมกันเองได้ แต่ไม่ว่าจะมีการพูดคุยเพื่อสันติสุขหรือไม่ เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เกิดขึ้นตลอดเวลา การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาก็จะไม่มีทางทำให้เหตุการณ์ยุติได้อย่างยั่งยืน

น.อ.จักรพงษ์ อภิมหาธรรม หัวหน้าสำนักงานคณะประสานงานระดับพื้นที่และคณะทำงานเทคนิคร่วม กล่าวว่า ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานในพื้นที่ยังไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยเพื่อสันติสุข แต่ส่วนใหญ่เข้าใจและเห็นด้วย ดังนั้นจำเป็นต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บังคับหน่วยและกำลังพลผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างพื้นที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากมองสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดใช้แดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน มีคดีเกิดขึ้นทั้งหมด ประมาณ 200,000 คดี แต่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเพียง 9,900 คดี ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 4.4 เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบช.น.ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้คนจีนมีจริง-ตร.แค่เป็นวิทยากร

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้กับคนจีนมีจริง แต่เจ้าของโครงการ ไม่ใช่ตำรวจนครบาล 3 เพียงแต่ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรเท่านั้น ส่วนเจ้าของโครงการ เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านฝั่งธนบุรี

ชายวัย 53 เมาคว้าปืนลูกซองยิงเพื่อนบ้านวัย 60 ดับ ฉุนฉลองปีใหม่

ชายวัย 53 ปี อารมณ์ร้อน คว้าปืนลูกซองยิงชายวัย 60 ปี เสียชีวิต ฉุนนั่งย่างเนื้อให้ลูกๆ ที่กลับมาเยี่ยมบ้านฉลองปีใหม่

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ

นึกว่าแจกฟรี ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เมืองเชียงใหม่

เอาใจสายเนื้อ ขึ้นเหนือไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ย่านถนนราชดำเนิน กลางเมืองเชียงใหม่ ขายดิบขายดี นึกว่าแจกฟรี ลูกค้าต่อแถวยาวเหยียด

ข่าวแนะนำ

กต.เผยเมียนมาปล่อยนักโทษไทย 152 คน-ไม่มี 4 ลูกเรือประมง

กระทรวงการต่างประเทศ เผยเมียนมาปล่อยตัวนักโทษชาวไทย 152 คน แต่ยังไม่มี 4 ลูกเรือประมง ยืนยันพยายามอย่างเต็มที่

นศ.ซิ่งเก๋งชนเสาไฟล้ม 12 ต้น ทับรถ 3 คัน โค้งถนนกาญจนาภิเษก

นักศึกษาซิ่งเก๋งชนเสาไฟฟ้าล้ม 12 ต้น ทับรถที่วิ่งผ่านไปมาเสียหาย 3 คัน บริเวณโค้งถนนกาญจนาภิเษก ตัดเพชรเกษม ประชาชน 150 ครัวเรือนเดือดร้อนไฟดับ การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซม คาดเย็นนี้กลับมาใช้การได้ตามปกติ

นายหน้าลอยแพ 250 แรงงานไทย ไร้ตั๋วบินทำงานต่างประเทศ

ฝันสลาย แรงงานไทย 250 ชีวิต เหมารถมาสนามบินเก้อ หวังได้ไปทำงานในต่างประเทศ สุดท้ายไม่มีตั๋วบิน รวมตัวแจ้งความตำรวจ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท