กรมการแพทย์ 20 ม.ค.-แพทย์เตือนคนทำงานออฟฟิศเสี่ยงเป็นโรคปวดหลัง โรคของเส้นเอ็นที่มือ โรคนิ้วล็อก และโรคผื่น ภูมิแพ้ แนะยืดเหยียดกล้ามเนื้อ พักสายตา ที่สำคัญควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่านอนดึก
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคจากการทำงานเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เพราะการทำงานเป็นวิถีชีวิตประจำวันของคนวัยทำงาน ซึ่งการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ถ้าไม่ตระหนักอาจมีผลต่อสุขภาพ โรคฮิตที่พบบ่อยของคนทำงานในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเกิดขึ้น กับผู้ทำงานบริการ รวมทั้งพนักงานในออฟฟิศ เพราะต้องนั่งโต๊ะทำงาน ใช้คอมพิวเตอร์หรือทำงานกับตัวเลข มากกว่าการยืนทำงานบนสายพาน ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการที่ต้องนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ทำให้ต้องนั่งเป็นเวลานาน การพิมพ์งานทำให้ต้องมีการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ต้องใช้สายตาและอยู่ในห้องปรับอากาศเป็นเวลานาน ดังนั้น สิ่งที่คนทำงานต้องเผชิญ คือโรคปวดหลัง โรคของเส้นเอ็นที่มือ ได้แก่ โรคประสาทอุโมงค์ข้อมือ โรคนิ้วล็อก ปวดศีรษะ ปวดตา และโรคผื่น ภูมิแพ้อธิบดีกรมการแพทย์แนะวิธีป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงานในออฟฟิศ คือ นั่งทำงานให้ถูกวิธี
นพ.ธีรพล กล่าวต่อไปว่า การนั่งเก้าอี้ควรนั่งหลังตรง มีพนักพิงแขนควรอยู่แนบข้างลำตัว ข้อศอกอยู่ในมุมตั้งฉากกับต้นแขน ข้อมือควรทอดตรงไม่ควรงอขึ้นหรือลง หรือบิดเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เท้าควรเหยียบพื้นทั้งสองข้าง ถ้าไม่เหยียบพื้นควรมีที่รองเท้าเพื่อไม่ต้องเขย่งเท้า เวลาพิมพ์คอควรตั้งตรง มองไปข้างหน้า ขอบจอคอมพิวเตอร์ด้านบนควรอยู่ในแนวสายตา เมื่อพิมพ์ได้สักพักควรมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ วิธีที่ดีที่สุดคือการยืนขึ้นและบิดตัว หรือยืดแขนทั้งสองค้างครู่หนึ่ง หรือลุกเดิน แล้วค่อยกลับมานั่งพิมพ์ต่อ
สำหรับเรื่องสายตาการมองคอมพิวเตอร์นานๆ บางครั้งอาจจะลืมกระพริบตา ทำให้ตาแห้งมีอาการแสบตาเคืองตาได้จึงควรกระพริบตาบ้าง อาจจะทุก 10 นาที ทั้งนี้ ไม่ควรพิมพ์ในที่มืด บริเวณแสงรอบๆ จอคอมพิวเตอร์ควรมีขนาดความเข้มพอๆ กันไม่ควรมืดกว่ากัน นอกจากนี้ในห้องทำงานที่มีเครื่องถ่ายเอกสาร จะมีสารทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผิวหนัง ตา ทางเดินหายใจได้ อาการที่พบ คือ แสบคอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอเรื้อรัง ทำให้คิดว่าเป็นหวัด และการไปแพทย์อาจจะได้รับยาฆ่าเชื้อมาโดยไม่จำเป็น การป้องกันคือ หมั่นทำความสะอาดพื้น ตู้แอร์ เปิดกระจกหน้าต่างระบายอากาศ ที่สำคัญควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่านอนดึกเพื่อสุขภาพที่ดีสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย