กทม. 29 ม.ค.-สุริยะใส จี้รัฐบาลมีท่าทีเชิงรุกต่อปัญหาสินบนโรลส์-รอยซ์มากกว่านี้ ข้องใจ ปตท. ได้บริษัทธรรมาภิบาลหลายครั้ง แต่กลับมีข่าวเกี่ยวข้อง แนะ ป.ย.ป. ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจด้วย
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงกรณีการทุจริตสินบนโรลส์-รอยช์ ที่โยงกับรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่จำนวนหลายบริษัทของไทยในขณะนี้ว่า รัฐบาลต้องมีท่าทีเชิงรุกมากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยองค์กรต่างๆ ดำเนินการกันตามลำพัง ซึ่งอาจทำให้ประเทศต้นทางสับสนว่าหน่วยงานใดเป็นองค์กรหลักมีอำนาจในการตรวจสอบกันแน่ และในขณะนี้องค์กรที่ถูกพาดพิงก็มีการขอข้อมูลไปที่ต้นทาง แต่ก็จะมีปัญหาว่าผลการตรวจสอบจะน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับหรือไม่ เพราะเป็นการตรวจสอบกันเองภายในเท่านั้น
นายสุริยะใส กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ก็ต้องมีท่าทีและมาตรการเชิงรุกมากกว่านี้ โดยต้องมีเจ้าภาพ มีกลไกที่น่าเชื่อถือติดตามตรวจสอบเรื่องนี้คู่ขนานไปกับองค์กรหลักอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อรายงานต่อสังคมเป็นระยะๆ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ท่าทีรัฐในเชิงรุกจะทำให้มีความน่าเชื่อถือในกระบวนการตรวจสอบมากกว่าให้ ป.ป.ช.หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบไปตามลำพัง เพราะอาจมีปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายตรวจสอบไปไม่ถึงหรือดำเนินการได้ไม่จริง ทั้งนี้ประเทศไทยก็มีข้อตกลงและสนธิสัญญากับสหประชาชาติ (UN)ในเรื่องของการปราบปรามการทุจริตและการควบคุมการฟอกเงินอยู่แล้วก็สามารถขอความร่วมมือหรือเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ร่วมกับองค์กรต่างประเทศหรือหน่วยงานต้นทางได้ทันที
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ โดยเฉพาะการทุจริตในแวดวงรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาความไม่โปร่งใสมายาวนาน รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจวางระบบการบริหารให้มีความเป็นธรรมาภิบาลมากขึ้น เป็นไปได้อย่างไรองค์กรอย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.และรัฐวิสาหกิจหลายแห่งได้รางวัลบริษัทธรรมาภิบาลมาหลายครั้ง แต่กลับมีข่าวฉาวแบบนี้เกิดขึ้น ดังนั้นการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจจึงควรเป็นวาระสำคัญในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ( ป.ย.ป.).ด้วย”นายสุริยะใส กล่าว.-สำนักข่าวไทย