ภูมิภาค 7 ก.พ. – เกษตรกรในหลายพื้นที่เริ่มเผชิญภาวะภัยแล้ง ชลประทานเร่งบริหารจัดการน้ำและซ่อมแซมฝายกั้นน้ำ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ
กำลังเจ้าหน้าที่ชลประทานนครสวรรค์ เร่งสร้างตะแกรงเหล็กขนาดใหญ่ เพื่อทำฝายแบบหินทิ้ง นำไปติดตั้งบริเวณฝายเดิมที่ชำรุดเสียหาย เพื่อช่วยชะลอปริมาณน้ำจากแม่น้ำปิงเป็นระยะทางกว่า 10 เมตร ส่วนปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงขณะนี้พบว่า ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าปากคลองสาขา ทำให้ไม่สามารถไหลเข้าไปในพื้นที่การเกษตรได้ แต่หากซ่อมฝายเสร็จ แม่น้ำปิงจะอยู่ระดับเดียวกับฝายชะลอน้ำ น้ำจึงจะไหลเข้าไปในพื้นที่การเกษตรของ อ.เก้าเลี้ยว และ อ.เมืองนครสวรรค์ ที่มีกว่า 30,000 ไร่ได้
ส่วนที่ จ.สมุทรสงคราม ซึ่งใช้น้ำในลุ่มน้ำแม่กลองเป็นหลัก รับน้ำจากเขื่อนแม่กลอง เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ โดยปีนี้ปัญหาภัยแล้งมาเร็ว กรมชลประทานจึงประกาศงดส่งน้ำในการทำนาปรัง เพื่อสำรองไว้ใช้ช่วงต้นฤดูฝนของปีนี้ 3,150 ลูกบาศก์เมตร ใช้ในการอุปโภคบริโภค 300 ลูกบาศก์เมตร รักษาระบบนิเวศ 1,700 ลูกบาศก์เมตร และเพื่อการเกษตร 950 ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ เตรียมป้องกันปัญหาน้ำเค็มหนุน โดยเจ้าหน้าที่ชลประทานได้ตรวจจุดวัดน้ำ 4 แห่ง พบว่ามีความเค็มเล็กน้อย เร่งแจ้งไปยังเขื่อนต้นทางขอให้พิจารณาปล่อยน้ำจืดมาผลักน้ำเค็ม
ขณะที่ระดับน้ำโขง จ.นครพนม ลดลงเร็วกว่าทุกปีประมาณ 2-3 เมตร ทำให้ลำน้ำสาขาต่างๆ เริ่มแห้ง นอกจากกระทบแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรแล้ว ยังทำให้สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อย่างน้ำตกตาดขาม ได้รับผลกระทบไปด้วย
ชาวบ้านใน 2 หมู่บ้านของ ต.พรสำราญ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ กว่า 300 ครอบครัว กำลังเผชิญปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก เนื่องจากสระน้ำกลางหมู่บ้านที่ใช้เป็นน้ำดิบผลิตประปาหมู่บ้าน บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ เริ่มตื้นเขิน และระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านใช้น้ำได้เพียงซักเสื้อผ้าและอาบเท่านั้น ไม่สามารถนำไปดื่มหรือประกอบอาหารได้ ส่วนบ่อน้ำบาดาลที่เพิ่งขุดเจาะ พบว่าเป็นน้ำกร่อย วอนหน่วยงานภาครัฐเร่งสำรวจช่วยเหลือ. – สำนักข่าวไทย
