เมืองทองธานี 16 ก.พ. – ในการจัดนิทรรศการและงานสัมมนาระดับชาติในประเทศ ภายใต้ชื่อ “โอกาสทางการลงทุนในประเทศไทย” (Opportunity Thailand) จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวในหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ” ว่า ภาคธุรกิจทุกด้านเริ่มก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะภาคเกษตรต้องปรับตัวเนื่องจากผลไม้ไทยและพืชเศรษฐกิจต่างมีประโยชน์มากมาย จึงแนะนำทฤษฎี 3 สูง 1 ต่ำ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่ม ประสิทธิภาพเพิ่ม ผลผลิตเพิ่มทั้ง 3 ด้าน แต่ต้องหาแนวทางลดต้นทุน เพื่อปรับสมดุลการประกอบธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่ภาคเกษตร 4.0 จะทำให้ภาคเกษตรยุคใหม่แข่งขันได้ในตลาดโลก ไทยแลนด์ 4.0 จะเปลี่ยนประเทศไทยตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ นับว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางในการดำเนินนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพราะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน นักธุรกิจ ซีพีกำลังเปลี่ยนแปลงรองรับนโยบายของรัฐบาล จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนไทยและต่างชาติ อีก 20 ปีข้างหน้ารายได้ต่อคนจะต่ำกว่าสิงคโปร์เพียงเล็กน้อย สินค้าจะเหลือล้นไม่ใช่ขาดแคลน ปัญหาเงินเฟ้อต้องหายไปจะเหลือแต่ปัญหาเงินฝืด ซึ่งเป็นการบ้านของรัฐบาลต้องรับมือปัญหาดังกล่าว เนื่องจากสินค้ามากกว่าเงิน คนทำงานน้อยแต่ได้รับผลตอบแทนหลายร้อยเท่า ต่อไปนี้พนักงานขายมีหลายช่องทางต้องเปลี่ยนแปลง แต่มีทั้งวิกฤติและโอกาส ใครเปลี่ยนไม่ทันต้องล้มไป แต่โอกาสนี้จะมีมากกว่าจากคนรุ่นใหม่มีความรู้ในการพัฒนาสินค้า ต้องคนรุ่นหนุ่มสาว ซีพีกำลังสร้างศูนย์ฝึกผู้นำไม่ต่ำกว่า 2,000 คนต่อปี รองรับธุรกิจบริการ
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการบริหาร บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในประเทศพัฒนาแล้วทุ่มงบด้านวิจัยและพัฒนาสูงมาก เอสซีจีเริ่มให้ความสำคัญในการพัฒนาและวิจัย ทำให้ปีก่อนมีงบด้านวิจัย 4,300 ล้านบาท ผ่านนักวิจัยระดับ ดร. 1,823 คน ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามไปด้วยช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
นายคะโอรุ คุระชิมะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ โคริงค์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า พร้อมขานรับนโยบายของรัฐบาลผ่านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคเกษตรของไทย ด้วยการวิจัยกรดอะมิโนผ่านการใช้เทคโนโลยีทันสมัยจากมันสำปะหลัง เพื่อให้เครื่องปรุงไทยมีคุณภาพ อายิโนะโมะโต๊ะจึงกลายเป็นสินค้าคู่กับครัวไทย เพื่อมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางสังคมและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เน้นการดูแลสินค้าดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และสังคมผู้สูงอายุของไทยผ่านศูนย์นวัตกรรมอาหารร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทย อายิโน๊ะโมะโต๊ะ และมหาวิทยาลัย เพื่อเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าจึงต้องทุ่มงบด้านดังกล่าวมากขึ้น
นายปิแอร์ จาฟเฟร์ ประธานแอร์บัส กรุ๊ป กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจทางอากาศยานต้องมุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยี โดยทางแอร์บัส ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี การคิดวิเคราะห์ข้อมูล Big Data โดยนำเอาระบบเซ็นเซอร์มาติดตั้งเครื่องบินถึง 15,000 จุด เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาคิดวิเคราะห์ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคและสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวยังสามารถเชื่อมต่อกับสายการบินอื่น เนื่องจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีผลต่อการออกแบบเครื่องบิน ท่าอากาศยาน ซึ่งประเทศไทยก็มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านอากาศยานและเชื่อว่าภายใน 10 ปีนี้หากประเทศไทยมีการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบข้อมูล Big Data จะเป็นอีกหนึ่งประเทศน่าจับตามอง.-สำนักข่าวไทย