ศบ.ทก.​แถลงยันไทย​ไม่เคยละเมิด MOU43 มองปลุกม็อบรักชาติไม่กระทบไทย

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- ศบ.ทก.​ แถลงผลการประชุมทีมไทยแลนด์​วันแรก โต้โซเชียล​ ยันขุดคูเลตในพื้นที่อธิปไตยไทย​ ไม่เคยละเมิด MOU 43 ขอรอกัมพูชา​เคาะวันหารือ​ RBC เชื่อไม่ล่ม​ มอง​ปลุกม็อบรักชาติไม่กระทบไทย

พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ครั้งที่ 1 โดย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า วันนี้เป็นงานประชุมอย่างเป็นทางการนัดแรกของทีมไทยแลนด์ หรือ ศบ.ทก. ซึ่งเรากำหนดไว้ว่าจะมีการประชุมทุกวันทำการ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 09.30 น. เว้นวันอังคารประชุม 13.30 น. โดยภายหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น จะมีการแถลงข่าวในเวลา 12.00 น.


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่บริเวณชายแดนได้มีการติดตามในที่ประชุม ขอย้ำอีกครั้งว่าไทยไม่เคยปิดด่าน ไม่เคยใช้มาตรการปิดด่านใดๆ โดยมาตรการที่ดำเนินอยู่คือควบคุมคนเข้า-ออก และปรับเวลาเปิดปิดด่านเท่านั้น ทั้งนี้เป็นไปเพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน สืบเนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่และจะพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์และตามความจำเป็นต่อไป

ในขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) ทางฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศให้ด่านชายแดนทุกด่านของกัมพูชา ระงับการนำเข้าผักและผลไม้ทุกชนิดจากไทย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกันอย่างใกล้ชิดในเบื้องต้น โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าประสานงานในพื้นที่เพื่อนำผลผลิตไปกระจายให้กับผู้ซื้อต่างๆ ในประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนและผลกระทบของประชาชนในพื้นที่


นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ความชัดเจนเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อของไทยในขณะนี้โดยเฉพาะในเรื่องของการขุดคูเลตของฝั่งไทย ซึ่งเป็นการขุดในพื้นที่อธิปไตยของไทย ดังนั้นไทยจึงปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่าไทยละเมิด MOU 2543 ซึ่งไทยยังคงยึดมั่น MOU ฉบับดังกล่าวที่เป็นสนธิสัญญาและเป็นกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันและมีพันธะกรณีที่ต้องยึดถือและปฏิบัติตามร่วมกัน

“ขอย้ำอีกครั้งว่า ไทยยึดมั่นการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนปรับสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาอย่างจริงใจ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมปฏิบัติสากล ตามที่ตนได้เคยแถลงไปแล้ว” นายนิกรเดช กล่าว

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ล่าสุดมีผลออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ในรายละเอียดต่างๆ เพื่อร่วมกันสำรวจพื้นที่และทำหลักเขตแดนซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการดำเนินการต่อร่วมกันทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่ากลไกทวิภาคียังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมเจบีซี สมัยพิเศษในเดือนกันยายน 2568 โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว สำหรับการประชุมชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ที่ทาง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประสานกัมพูชาให้จัดประชุมโดยเร็วนั้น ซึ่งเราได้ยื่นข้อเสนอไปแล้ว ซึ่งฝ่ายไทยและกัมพูชากำลังหาวันที่เหมาะสม สำหรับทั้งสองฝ่าย


นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบหรือยืนยันหลีกเลี่ยงการขยายข่าวที่อาจเป็นการปลุกระดม หรือกล่าวหาอีกฝ่ายโดยยังไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และเสี่ยงทำให้เป็นประเด็นขัดแย้งเพิ่มเติม

ขณะที่พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า ในเรื่องของฝ่ายทหารของกองทัพไทย ขอยืนยันในเรื่องของการยึดมั่นการดำเนินการทางทหารตามหลักสากล และยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตาม MOU 2543 ที่เป็นข้อตกลงทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามด้วยกันโดยในประเด็นของการปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ และการปฏิบัติการของกองกำลังในพื้นที่ก็เป็นการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติของทหารที่ต้องมีการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งความมั่นคงของพื้นที่โดยยืนยันว่าเป็นการดำเนินการในพื้นที่อธิปไตยของไทยทั้งสิ้น

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการดำเนินการผ่านต่างๆ ก็เป็นการดำเนินการที่ดำรงตามมาตรการของไทยอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดนหลักๆ คือสองมาตรการตามที่เคยแถลงข่าวไปแล้ว คือ การจำกัดคนและประเภทของคนผ่านแดน การจำกัดเวลาในเรื่องของการเปิดปิดด่านโดยคำนึงถึงหลักอนุธรรมต่อบุคคลที่มีความจำเป็นในการข้ามแดนอย่างเช่นนักศึกษาและผู้ป่วย ในเรื่องของการไม่อนุญาตให้นำเข้าสินค้า เช่น พืช ผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นการดำเนินการฝ่ายเดียวของกัมพูชา โดยเฉพาะ พืช ผลไม้ สินค้าทางการเกษตรนั้นทางรัฐบาลไทยได้ประสานผ่านกระทรวงพาณิชย์ในการหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับภาคเอกชนเช่นกลุ่มบริษัทซีพีรวมทั้งห้างสรรพยาท้องถิ่นในการรับผลิตผลของไทย แล้วจำหน่ายให้กับผู้บริโภคตามพื้นที่ต่าง ๆ โดยกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายใน ที่ผ่านได้จัดงานสินค้า เพื่อกระจายสินค้าต่าง ๆ ในอนาคต ขอเชิญชวนประชาชนช่วยสนับสนุนการจับจ่ายใช้ใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าของประเทศไทยด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่กัมพูชามีการรณรงค์ให้ประชาชนในกัมพูชาออกมารักชาติ ในสถานการณ์ที่มีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้ รัฐบาลไทยมีข้อห่วงใยถึงเรื่องความปลอดภัยของคนไทยในกัมพูชาและหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชามีการจัดกิจกรรมโดยสหพันธ์เยาวชนกัมพูชามักจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในโอกาสต่างๆ เป็นประจำ และแต่ละครั้งก็มีธีมที่แตกต่างกันออกไป ครั้งนี้คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับช่วงที่เรามีประเด็นระหว่างไทย-กัมพูชาอยู่เล็กน้อย ซึ่งนโยบายของเราเรียกร้องให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาลกับรัฐบาล อย่าได้ดึงออกมาเป็นระดับประชาชน ส่วนจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของความปลอดภัยหรือหรือไม่นั้น ทางเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญได้มีการติดต่อประสานงานกับคนไทยที่อยู่ในกรุงพนมเปญอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่มีความกังวลใดๆ

พล.อ.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่ของรัฐบาลจะเห็นได้ว่ารอบคอบรอบด้านใช้สติสร้างสติ หากฝ่ายกัมพูชาทำอะไร เราตอบโต้ทุกเรื่อง ก็แสดงว่าเราไม่ได้ใช้สติในการพิจารณา ฉะนั้นในกรณีนี้หลังจากที่ประชุมพิจารณาได้ว่าไม่มีผลกระทบอะไรต่อประเทศไทย เราจึงทำได้เพียงรับทราบ.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]