ทำเนียบ 18 มิ.ย.- ศบ.ทก. แถลงผลการประชุมทีมไทยแลนด์วันแรก โต้โซเชียล ยันขุดคูเลตในพื้นที่อธิปไตยไทย ไม่เคยละเมิด MOU 43 ขอรอกัมพูชาเคาะวันหารือ RBC เชื่อไม่ล่ม มองปลุกม็อบรักชาติไม่กระทบไทย
พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ครั้งที่ 1 โดย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า วันนี้เป็นงานประชุมอย่างเป็นทางการนัดแรกของทีมไทยแลนด์ หรือ ศบ.ทก. ซึ่งเรากำหนดไว้ว่าจะมีการประชุมทุกวันทำการ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 09.30 น. เว้นวันอังคารประชุม 13.30 น. โดยภายหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น จะมีการแถลงข่าวในเวลา 12.00 น.

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่บริเวณชายแดนได้มีการติดตามในที่ประชุม ขอย้ำอีกครั้งว่าไทยไม่เคยปิดด่าน ไม่เคยใช้มาตรการปิดด่านใดๆ โดยมาตรการที่ดำเนินอยู่คือควบคุมคนเข้า-ออก และปรับเวลาเปิดปิดด่านเท่านั้น ทั้งนี้เป็นไปเพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน สืบเนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่และจะพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์และตามความจำเป็นต่อไป
ในขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) ทางฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศให้ด่านชายแดนทุกด่านของกัมพูชา ระงับการนำเข้าผักและผลไม้ทุกชนิดจากไทย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกันอย่างใกล้ชิดในเบื้องต้น โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าประสานงานในพื้นที่เพื่อนำผลผลิตไปกระจายให้กับผู้ซื้อต่างๆ ในประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนและผลกระทบของประชาชนในพื้นที่
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ความชัดเจนเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อของไทยในขณะนี้โดยเฉพาะในเรื่องของการขุดคูเลตของฝั่งไทย ซึ่งเป็นการขุดในพื้นที่อธิปไตยของไทย ดังนั้นไทยจึงปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่าไทยละเมิด MOU 2543 ซึ่งไทยยังคงยึดมั่น MOU ฉบับดังกล่าวที่เป็นสนธิสัญญาและเป็นกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันและมีพันธะกรณีที่ต้องยึดถือและปฏิบัติตามร่วมกัน
“ขอย้ำอีกครั้งว่า ไทยยึดมั่นการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนปรับสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาอย่างจริงใจ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมปฏิบัติสากล ตามที่ตนได้เคยแถลงไปแล้ว” นายนิกรเดช กล่าว
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ล่าสุดมีผลออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ในรายละเอียดต่างๆ เพื่อร่วมกันสำรวจพื้นที่และทำหลักเขตแดนซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการดำเนินการต่อร่วมกันทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่ากลไกทวิภาคียังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมเจบีซี สมัยพิเศษในเดือนกันยายน 2568 โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว สำหรับการประชุมชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ที่ทาง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประสานกัมพูชาให้จัดประชุมโดยเร็วนั้น ซึ่งเราได้ยื่นข้อเสนอไปแล้ว ซึ่งฝ่ายไทยและกัมพูชากำลังหาวันที่เหมาะสม สำหรับทั้งสองฝ่าย
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบหรือยืนยันหลีกเลี่ยงการขยายข่าวที่อาจเป็นการปลุกระดม หรือกล่าวหาอีกฝ่ายโดยยังไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และเสี่ยงทำให้เป็นประเด็นขัดแย้งเพิ่มเติม
ขณะที่พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า ในเรื่องของฝ่ายทหารของกองทัพไทย ขอยืนยันในเรื่องของการยึดมั่นการดำเนินการทางทหารตามหลักสากล และยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตาม MOU 2543 ที่เป็นข้อตกลงทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามด้วยกันโดยในประเด็นของการปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ และการปฏิบัติการของกองกำลังในพื้นที่ก็เป็นการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติของทหารที่ต้องมีการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งความมั่นคงของพื้นที่โดยยืนยันว่าเป็นการดำเนินการในพื้นที่อธิปไตยของไทยทั้งสิ้น
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการดำเนินการผ่านต่างๆ ก็เป็นการดำเนินการที่ดำรงตามมาตรการของไทยอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดนหลักๆ คือสองมาตรการตามที่เคยแถลงข่าวไปแล้ว คือ การจำกัดคนและประเภทของคนผ่านแดน การจำกัดเวลาในเรื่องของการเปิดปิดด่านโดยคำนึงถึงหลักอนุธรรมต่อบุคคลที่มีความจำเป็นในการข้ามแดนอย่างเช่นนักศึกษาและผู้ป่วย ในเรื่องของการไม่อนุญาตให้นำเข้าสินค้า เช่น พืช ผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นการดำเนินการฝ่ายเดียวของกัมพูชา โดยเฉพาะ พืช ผลไม้ สินค้าทางการเกษตรนั้นทางรัฐบาลไทยได้ประสานผ่านกระทรวงพาณิชย์ในการหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับภาคเอกชนเช่นกลุ่มบริษัทซีพีรวมทั้งห้างสรรพยาท้องถิ่นในการรับผลิตผลของไทย แล้วจำหน่ายให้กับผู้บริโภคตามพื้นที่ต่าง ๆ โดยกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายใน ที่ผ่านได้จัดงานสินค้า เพื่อกระจายสินค้าต่าง ๆ ในอนาคต ขอเชิญชวนประชาชนช่วยสนับสนุนการจับจ่ายใช้ใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าของประเทศไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่กัมพูชามีการรณรงค์ให้ประชาชนในกัมพูชาออกมารักชาติ ในสถานการณ์ที่มีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้ รัฐบาลไทยมีข้อห่วงใยถึงเรื่องความปลอดภัยของคนไทยในกัมพูชาและหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชามีการจัดกิจกรรมโดยสหพันธ์เยาวชนกัมพูชามักจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในโอกาสต่างๆ เป็นประจำ และแต่ละครั้งก็มีธีมที่แตกต่างกันออกไป ครั้งนี้คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับช่วงที่เรามีประเด็นระหว่างไทย-กัมพูชาอยู่เล็กน้อย ซึ่งนโยบายของเราเรียกร้องให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาลกับรัฐบาล อย่าได้ดึงออกมาเป็นระดับประชาชน ส่วนจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของความปลอดภัยหรือหรือไม่นั้น ทางเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญได้มีการติดต่อประสานงานกับคนไทยที่อยู่ในกรุงพนมเปญอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่มีความกังวลใดๆ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่ของรัฐบาลจะเห็นได้ว่ารอบคอบรอบด้านใช้สติสร้างสติ หากฝ่ายกัมพูชาทำอะไร เราตอบโต้ทุกเรื่อง ก็แสดงว่าเราไม่ได้ใช้สติในการพิจารณา ฉะนั้นในกรณีนี้หลังจากที่ประชุมพิจารณาได้ว่าไม่มีผลกระทบอะไรต่อประเทศไทย เราจึงทำได้เพียงรับทราบ.-314.-สำนักข่าวไทย