นนทบุรี 23 ก.พ.-พาณิชย์ของบ 15,000 ล้านบาท พัฒนา 4 ตลาดขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้รับอนุมัติงบประมาณกลาง 15,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้กันงบ 3,000-4,500 ล้านบาท เพื่อพัฒนา 4 ตลาดหลัก ในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแรง นับเป็นอีกขาหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการเร่งพัฒนา 4 ตลาด ตามที่กระทรวงพาณิชย์ ผลักดันให้เกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน มีนักท่องเที่ยวเข้าไปจับจ่ายใช้สอย และเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้เกษตร เจ้าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ปรับตัวเป็นผู้ประกอบการ จำหน่ายผลผลิตของตนเองได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้มีรายได้แล้ว ยังสามารถระบายผลผลิตได้ด้วย ชุมชนจะมีความเข้มเข็ง ในปีนี้กระทรวงพาณิชย์เน้นการใช้ตลาดมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากพร้อมส่งเสริมการสร้างแบรนด์ไปในตัว และส่งเสริมให้เอกชนรายใหญ่เข้ามาช่วยสนับหนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเหล่านี้ ในรูปแบบพี่จูงน้อง เพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อให้ก้าวไปสู่ตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รัฐบาลส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการเน้นส่งออก และเน้นการผลิต แต่ขณะนี้ศักยภาพการแข่งขันด้านส่งออกไทยถดถอยลงตามเศรษฐกิจโลก และผู้ประกอบการไทยมีแต่การผลิตโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการในตลาดว่าขายของให้ใคร แต่ถ้ามีตลาด จะเป็นการวิจัยขั้นพื้นฐานว่า ผู้บริโภคต้องการสินค้ารูปแบบใด ก็จะช่วยทำให้คิดผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
สำหรับ 4 ตลาดที่กระทรวงพาณิชย์จะเร่งพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืนคือ ตลาดชุมชน ที่จะให้ผู้ผลิตสินค้าเอกชนรายใหญ่ พัฒนาแบรนด์ให้โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ให้แก่ร้านค้าชุมชนและโชห่วย ในราคาที่ถูกกว่าแบรนด์ที่ขายในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสมัยใหม่ต่าง ๆ ร้อยละ 15-20 และตลาดต้องชม ซึ่งเป็นตลาดที่มีดึงเอาเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่มาเป็นจุดขายแล้วดึงการท่องเที่ยวเข้าไปและตลาดนิวเอสเคลิร์ฟ ที่จะรวบรวมอัตลักษณ์ด้านอาหารการกินมาไว้เป็นจุดขายในแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติต่าง ๆ เป็นหลัก ซึ่งตลาดนี้ ยังไม่ได้คิดชื่ออย่างเป็นทางการ เช่น ตลาดทุเรียน ที่จ.เชียงใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน ตลาดอาหารทะเลที่จ.สุราษฏร์ธานี เป็นต้น และสุดท้ายคือตลาดกลางสินค้าชุมชน ที่จะนำผลผลิต หรือสินค้าต่างๆ มาจำหน่ายภายในชุมชน หลังจากที่ผ่านทั้ง 3 ตลาดก่อนหน้านั้นมาแล้ว ก่อนที่จะไปสู่ตลาดกลางของภาคเอกชนที่มีความแข็งแกร่งในด้านการบริหารจัดการอยู่แล้ว
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ ผู้ประกอบการ จดทะเบียนประกอบธุรกิจ การจดเครื่องหมายการค้า จดทรัพย์สินทางปัญญา และทำการตลาดโดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อี-คอมเมิร์ซ มากขึ้น รวมทั้งสร้างแบรนด์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนในยุคปัจจุบัน รัฐบาลพยายามที่จะปั้นนักรบเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด โดยเมื่อชุมชนมีความเข้มแข็ง ภาคเอกชนก็จะแข็งแรง ซึ่งทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน แข่งขันกับต่างประเทศได้.-สำนักข่าวไทย