4 พรรคเล็ก มองความขัดแย้งเกิดจากการแย่งชิงผลประโยชน์และอำนาจ

678กระทรวงกลาโหม 10 มี.ค.-โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุการรับความคิดเห็นแนวทางสร้างความปรองดอง ระหว่างวันที่ 9-10 มี.ค. 4 พรรคเล็ก มองความขัดแย้งเกิดจากการแย่งชิงผลประโยชน์และอำนาจ รวมทั้งทุจริตภาษีประชาชน ขณะที่การปฏิรูปประเทศ ต้องลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะการศึกษา


พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการรับฟังความคิดเห็นของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ว่า การรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 9-10 มีนาคม 2560 มี 4 พรรคการเมืองมาให้ข้อคิดเห็น ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคถิ่นกาขาว พรรคเพื่ออนาคต และพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกพรรคมีไมตรีต่อกัน และพูดคุยอย่างเปิดกว้าง ทั้งนี้แต่ละพรรคมองเรื่องปรองดองว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และหวังว่าคนในชาติจะอยู่กันอย่างสันติสุข อีกทั้งทุกฝ่ายควรเปิดใจกว้าง มีสติและเป็นธรรม ทุกคนที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับความขัดแย้ง จะต้องทบทวนบทบาทของตนเองและองค์กร ขณะที่การรวบรวมความจริงก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการทุกกลุ่ม ไม่ใช่เพียงนักการเมืองเท่านั้น

พล.ต.คงชีพ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องความขัดแย้งนั้น พรรคการเมืองมองว่าเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว ซึ่งเกิดจากการแย่งชิงผลประโยชน์และอำนาจจากคนกลุ่มเล็ก รวมถึงการใช้รัฐธรรมนูญที่ไม่ซื่อตรงและเป็นธรรม ตลอดจนการทุจริตในภาษีของประชาชน และยังถูกขยายผลด้วยการดึงประชาชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ความขัดแย้งลงลึกในสังคม ส่งผลถึงสิทธิเสรีภาพของคนส่วนใหญ่ ดังนั้นประชาชนจำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันและเดินออกจากความขัดแย้ง กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยไม่ถูกครอบงำ


โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า ขณะที่เรื่องปฏิรูปประเทศ พรรคการเมืองมองว่ามีความจำเป็นมาก โดยทุกรัฐบาลต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม ด้วยการรับฟังเสียงสะท้อนในพื้นที่ โดยเฉพาะการศึกษาที่จำเป็นต้องแก้ไขให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ไม่ถูกครอบงำ และต้องบริหารจัดการที่ดินและน้ำให้ประชาชนอย่างเป็นธรรม ด้านกระบวนการยุติธรรม พรรคการเมืองมองว่าต้องทำให้เกิดความเสมอภาคและกฎหมายต้องอยู่เหนืออำนาจการเมือง ส่วนทางด้านเศรษฐกิจ พรรคการเมืองมองว่าประชาชนทุกคนมีความเชื่อและเห็นตรงกันว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยทอดทิ้งคนชนบท ดังนั้นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงต้องได้รับการขยายผลเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า สำหรับด้านสื่อสารมวลชน พรรคการเมืองมองว่า โครงสร้างของสื่อยังไม่เชื่อมโยงกันเอง และไม่เชื่อมโยงกับประชาชนด้วย ดังนั้นสื่อต้องทบทวนตัวเองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้มีสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านสื่อมวลชน เพื่อสร้างจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างจริงจัง ซึ่งสื่อมวลชนจำเป็นต้องเรียกศรัทธากลับคืนมา พร้อมเปิดพื้นที่ให้ยึดโยงกับประชาชนด้วย

“การรับฟังความคิดเห็นในแนวทางสร้างความปรองดองเดินหน้ามา 4 สัปดาห์แล้ว มี 39 พรรคการเมืองมาให้ข้อคิดเห็น โดยสัปดาห์หน้าจะเชิญมาอีก 7 พรรคการเมือง และ 2 กลุ่มการเมือง โดยหลังจากนั้น จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นของภาคประชาสังคมต่อไป ขอยืนยันว่า ไม่ได้กำหนดเวลาว่าพรรคการเมืองจะต้องมาให้ข้อคิดเห็นภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ เนื่องจากยังเปิดรับฟังความเห็นไปถึงเดือนเมษายน เพียงแต่หากพรรคการเมืองใดยังไม่พร้อมในช่วงนี้ ก็จะเชิญฝ่ายอื่น ๆ มาให้ข้อคิดเห็นก่อน” พล.ต.คงชีพ กล่าว


ด้าน พล.อ.ต.รังสรรค์ เยาวรัตน์ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่ ได้กำหนดวันครบแล้วทั้ง 76 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร ซึ่งทุกอย่างดำเนินการอย่างเรียบร้อย เป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ ทั้งนี้การรับฟังความคิดเห็นระดับพื้นที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 รับฟังความคิดเห็นแล้ว 5 จังหวัด และเตรียมความพร้อมอีก 3 จังหวัด กองทัพภาคที่ 2 รับฟังความเห็นแล้ว 5 จังหวัด กองทัพภาคที่ 3 รับฟังความเห็นแล้ว 6 จังหวัด กองทัพภาคที่ 4 รับฟังความเห็นแล้ว 1 จังหวัด และประชุมเตรียมความพร้อมอีก 2 จังหวัด ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการเสนอข้อคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และอิสระ ไม่มีการโต้แย้งใด ๆ โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะรวบรวมเพื่อส่งให้คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้

ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม  กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้วันที่ 13 มีนาคมนี้ คณะอนุกรรมการฯ เชิญพรรคพลังท้องถิ่นไทย พรรครักธรรม และพรรคเสรีนิยมมาให้ข้อคิดเห็น จากนั้นในวันที่ 14 มีนาคม เชิญพรรคคนไทย พรรคเพื่อสหกรณ์ไทย พรรคเมืองไทยของเรา และพรรคอนาคตไทยมาให้ข้อคิดเห็น ส่วนวันที่ 15 มีนาคม เชิญกลุ่ม นปช.มาให้ข้อคิดเห็น และในวันที่ 17 มีนาคมนี้ เชิญกลุ่ม กปปส.มาให้ข้อคิดเห็น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

รถทัวร์ชนต้นไม้

รถทัวร์ กทม.-เชียงใหม่ ตกร่องถนนชนต้นไม้ ดับ 2 เจ็บกว่า 30

รถโดยสารกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ขับส่ายไปมา ก่อนเสียหลักตกร่องกลางถนนพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ เสียชีวิต 2 ราย เจ็บกว่า 30 คน สาเหตุอยู่ระหว่างตรวจสอบ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน