กรุงเทพฯ 7 มี.ค.-กรมราชทัณฑ์เตรียมเฟ้นหานักกีฬาดาวรุ่ง มาประดับวงการกีฬา ด้วยการเปิดเรือนจำกีฬา เพื่อพัฒนาผู้ต้องขังให้ได้ฝึกทักษะและทฤษฏีจากสถาบันการศึกษาชื่อดัง
“คุก” เป็นสถานที่ ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปสัมผัส แต่เมื่อเข้าไปแล้วทุกคนต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตภายใน ร่วมกับผู้ต้องโทษที่มีข้อหาฉกาจฉกรรจ์จากหลากหลายคดี ดังนั้นกรมราชทัณฑ์จึงผุดแนวคิดในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังให้ดีกว่าเดิม ด้วยการเปิดเรือนจำเฉพาะทางด้านกีฬา ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางในชื่อว่า “เรือนจำกีฬา” โดยจะคัดเอาคนที่อยู่ในเกณฑ์ เช่นต้องมีระเบียบวินัยได้รับการพัฒนาทางจิตใจ รวมทั้งบำบัดยาเสพติดมาแล้วและสุดท้ายต้องมีใจรักกีฬา จึงได้คัดเลือกนักโทษส่วนใหญ่ที่มาจากข้อหายาเสพติด 200 คน ฝึกทักษะและอบรมทฤษฎี 9 เดือนเต็ม โดยได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒวิทยาเขตองครักษ์ และกรมพละศึกษา ใน 5 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย มวยสากลสมัครเล่น, มวยไทยสมัครเล่น, ฟุตซอล, วอลเลย์บอล และตะกร้อ ซึ่งในวันนี้มี บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยชื่อดังไปสร้างแรงบรรดาลใจให้กับบรรดาผู้ต้องขังให้ได้เดินตามรอยสู่ความสำเร็จต่อไปในอนาคต
ขณะที่ศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลกมวยสากลเจ้าของเข็มขัด 4 เส้น ในพิกัด 3 รุ่น คนแรกของไทย ที่เคยเป็นผู้ต้องหายาเสพติด ที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในคุก ก่อนที่จะค้นพบเส้นทางชีวิตของตนเองด้วยการเป็นนักมวยสากลสร้างชื่อตั้งแต่อยู่ในคุก จนสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย สุดท้ายได้รับอภัยโทษจำคุกเหลือเพียง 4 ปี เท่านั้นจึงได้อยากบอกน้องให้รีบฉกฉวยโอกาสที่สำคัญนี้ไว้
ขณะที่นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้จุดประกายต่อยอดให้ผู้ต้องโทษเหล่านี้ได้มีโอกาสมีที่ยืนในสังคม หากนักโทษเหล่านี้ได้ค้นพบตัวเองว่ามีความเป็นเลิศในดานกีฬาแต่ละประเภท ก็ยินดีที่จะส่งเสริมต่อไป แต่หากไปไม่ถึงดวงดาว หากวันหนึ่งเมื่ออกจากคุกไปแล้วก็สามารถประกอบอาชีพ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองได้ บรรดาผู้ต้องขังเหล่านี้บางคนอาจจะไม่ได้เป็นผู้ร้ายโดยกำเนิด แต่ด้วยสภาพสังคมที่บีบบังคับให้พลั้งเผลอหลงผิด แต่เมื่อทุกคนได้ชดใช้กับความผิดพลาดของตัวเองแล้ว หวังว่าคนในสังคมไทยคงให้โอกาสกลุ่มคนเหล่านี้ ได้กลับเนื้อกลับตัวมาใช้ชีวิตอย่างเช่นคนปกติทั่วไป.-สำนักข่าวไทย