ปราจีนบุรี 9 มี.ค. – แนวทางการรักษาโรคด้วยพืชสมุนไพรกำลังเป็นที่นิยมในตลาดโลก ซึ่งในประเทศไทยพยายามพัฒนาในเรื่องนี้ เตรียมชู “อภัยภูเบศร บิสิเนสโมเดล” หรือเมืองต้นแบบสมุนไพรขึ้นที่ จ.ปราจีนบุรี
คำประกาศของนายกรัฐมนตรีที่ตั้งเป้าจะทำให้ประเทศไทยเป็นเมืองสมุนไพรที่ดีที่สุดในโลก ใน 20 ปีข้างหน้า เป็นการดึงจุดเด่นด้านสมุนไพรในประเทศที่มีมากกว่า 2,000 ชนิด และกว่า 20 ชนิด ขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติ ประกอบกับมีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาด้วยสมุนไพรทั้งในแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบัน และปัจจุบันโลกเริ่มหันมาสนใจผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่ปลอดภัยไร้สารเคมีมากขึ้น ดังนั้นการชูสมุนไพรให้เป็นพืชเศรษฐกิจจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ นายกรัฐมนตรีจึงยึด จ.ปราจีนบุรี ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและความหลากหลายของพันธุ์พืชมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาศักยภาพของจังหวัด
แม้ว่าโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจะศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพรไทยมามากกว่า 30 ปี จนกระทั่งเปิดรักษาแพทย์ทางเลือกจำหน่ายยาสมุนไพรในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่จะทำให้ปราจีนบุรีเป็นเมืองสมุนไพรได้นั้น ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ประชาชนเรื่องสมุนไพร แต่ต้องพัฒนาคุณภาพให้ได้รับการยอมรับโดยการออกแบบแพ็กเกจที่น่าสนใจ ที่สำคัญต้องมีเครือข่ายสร้างงานวิจัยและแปรรูปสมุนไพรให้สะดวกขึ้นที่สำคัญต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกี่ยวกับข้อกฎหมายและกฎระเบียบที่จะเป็นใบเบิกทางส่งออกสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก
พญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้ก่อตั้งสมุนไพรอภัยภูเบศร ขณะที่ผู้ที่มาใช้บริการมองว่าตลาดยาสมุนไพรที่ได้มาตรฐาน ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด และผู้ที่สนใจรักษาด้วยสมุนไพร เนื่องจากหลายคนทดลองใช้แล้วเห็นผลเป็นที่น่าพอใจ และไม่มีอาการข้างเคียงเหมือนยาปฏิชีวนะ จึงอยากเสนอแนะให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อสกัดยาสมุนไพรมาเป็นใช้ทดแทนยาปฏิชีวนะให้มากขึ้น
การจัดทำแผนปฏิบัติการ 5 ปี ในการพัฒนาและยกระดับให้เกิดเมืองสมุนไพร ที่คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้ได้ 3.2 แสนล้านบาท และเพิ่มมูลค่าในสถานประกอบการให้ได้ 3,000 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมาได้เริ่มนำร่องเมืองสมุนไพรต้นแบบ 4 จังหวัด ปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี เชียงราย และสกนคร โดยสร้างอภัยภูเบศรเป็นบิสิเนสโมเดล ต้นแบบการยกระดับธุรกิจสู่สากลจนประสบความสำเร็จที่จะเป็นต้นแบบให้จังหวัดต่างๆ ต่อไป แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดไม่ได้หากภาคส่วนต่างๆ ไม่พัฒนาให้เกิดความต่อเนื่องควบคู่กันไปเพื่อให้ไทยยกระดับประเทศได้ในทุกมิติ. – สำนักข่าวไทย