กรุงเทพฯ 3 มี.ค.-หลังจากสำนักข่าวไทยนำเสนอข่าวนายกนกพรหม ขานฤทธี อาจไม่ใช่ผู้กระทำผิดตัวจริง ในคดีชิงทรัพย์ย่านบางนา ล่าสุด นายกนกพรหม เปิดใจกับสำนักข่าวไทย
การพบกันของครอบครัวขานฤทธีครั้งนี้ แม้มีลูกกรงเป็นกำแพงกั้น แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้ง เมื่อกระทรวงยุติธรรมรับคำร้องเพื่อช่วยรื้อฟื้นคดี หลังพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่า นายกนกพรหม ขานฤทธี ที่ถูกจำคุกมานานกว่า 6 ปีแล้ว อาจไม่ใช่ผู้กระทำผิดตัวจริง โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าไปสอบสวนนายกนกพรหม เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม
นายกนกพรหม ขานฤทธี เปิดใจกับสำนักข่าวไทยว่า ถูกตำรวจนำหมายจับมาที่บ้านในเดือนธันวาคม 2551 หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีชิงทรัพย์ย่านบางนา ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคมของปีเดียวกัน เนื่องจากพบว่ารถจักรยานยนต์ ทะเบียน บพล 893 กทม.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เป็นของครอบครัวขานฤทธี โดยนายกนกพรหม มีอายุใกล้เคียงกับคนร้ายที่ผู้เสียหายให้การมากที่สุด เมื่อถูกจับ ได้นำใบยึดรถของบริษัทไฟแนนซ์ ที่ยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุถึง 5 ปี ซึ่งไฟแนนซ์นำรถขายทอดตลาดแล้ว และไม่ทราบว่าผู้ครอบครองรถคนสุดท้ายคือใคร เป็นหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธ์มอบให้ตำรวจ
แต่หลังจากนั้นตำรวจก็สรุปสำนวนส่งฟ้อง อ้างหลักฐานเพียงแค่ผู้เสียหายชี้ตัว โดยปราศจากพยานแวดล้อมอื่นๆ การเข้ามาช่วยเหลือของดีเอสไอครั้งนี้ ถือเป็นการจุดประกายความหวังให้เขาอีกครั้ง หลังถูกกักอิสรภาพนานถึง 6 ปี
ด้านดีเอสไอพบพยานบุคคลและหลักฐานสำคัญใหม่หลายชิ้นที่พิสูจน์ได้ว่า รถไม่ได้อยู่ในการครอบครองของนายกนกพรหม แต่มีชื่อนายสวัสดิ์ จันทะรัตน์ ผู้ครอบครองรถคนล่าสุด ทั้งมีหลักฐานการต่อ พ.ร.บ.รถของนายสวัสดิ์ ใบยึดรถของไฟแนนซ์ หนังสือการขายทอดตลาด ซึ่งมั่นใจจะสามารถยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีได้สิ้นเดือนนี้ และหวังว่าจะเป็นอีกคดี ที่จะสร้างความหวังให้แพะคดีอื่นๆ ที่มีอยู่อีกกว่า 200 คดี.-สำนักข่าวไทย