พล.อ.ประวิตร เล่าเหตุตัดสินใจไปต่อการเมือง

กรุงเทพฯ 1 มี.ค.-“พล.อ.ประวิตร” โพสต์เล่าที่มาของการตัดสินใจไปต่อทางการเมือง ร่ายยาวจากครอบครัวทหาร จนเข้าสู่สนามการเมือง ทำให้รู้จักคนหลายวงการ เสียดายคนมีความสามารถไม่กล้าเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง กลัวการเมืองมุ่งทำลายล้างเพื่อเอาชนะ


เพจเฟซบุ๊ก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เผยแพร่ภาพพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และซ้อนภาพในสมัยเป็นนายทหารสวมชุดลายพราง มีข้อความบนภาพว่า “จิตวิญญาณความจงรักภักดีจากอดีตถึงปัจจุบัน” โดยมีเนื้อหาระบุ ว่า บทที่ 1  จิตวิญญาณในความจงรักภักดี จากอดีตถึงปัจจุบันผมพูดไม่เก่ง แต่ใครที่ใกล้ชิดจะรับรู้ว่าผมรับฟังมากมาตลอด ยิ่งในช่วงหลังซึ่งเป็นผลจากการระดมคนมีความรู้ความสามารถมากมายมาช่วยสร้าง “พรรคพลังประชารัฐ” ให้เป็นสถาบันการเมือง ที่จะเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงให้กับประเทศเรา ผมยิ่งตั้งใจรับฟังทุกคน ทุกฝ่ายที่เข้ามาทำงานร่วมกัน และการรับฟังนั้นเองที่ทำให้มองเห็นว่ามีหนทางเดียวเท่านั้นที่ประเทศเราจะก้าวพ้น “กับดัก”อันเป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศนำพาประชาชนสู่ชีวิตที่ดีงาม

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ผมขอเริ่มด้วยการเล่าให้ฟังว่า ผมเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นนายทหารระดับสูง เติบโตมาในสังคมคนในกองทัพ วัยเด็กผมเรียนและจบจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล จากนั้นเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร สำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อย จปร. เข้ารับราชการทหารและเติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 โดยเฉพาะในสังกัดกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือคนส่วนใหญ่รู้จักในนาม “ทหารเสือราชินี” ลองคิดดูว่าคน ๆ หนึ่งที่ถูกหล่อหลอมและปลูกฝังมาด้วยสังคมแวดล้อม ระบบการศึกษา และหน้าที่การงานแบบผมนี้ จะมี “จิตวิญญาณ” แบบไหน


“ความจงรักภักดีที่มีต่อ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” เป็นสภาวะที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของผม จนเป็นกระแสจิตที่ส่งให้ทุกคนสัมผัสถึงและรับรู้ได้โดยไม่ต้องเอ่ยอ้าง ชีวิตผมดำเนินอยู่ด้วยจิตวิญญาณนี้ตลอดมาและแน่นอนว่าจะตลอดไป และเพราะผมถูกหล่อหลอมชีวิตขึ้นมาด้วยความเป็น “ทหารอาชีพ” จาก “ทหารชั้นผู้น้อย” ค่อย ๆ เติบโตมาจนเป็น “ผู้บัญชาการกองทัพ” ผมจะเล่าถึงการเฝ้ามอง รับรู้ และครุ่นคิดถึงความเป็นไปของประเทศชาติ โดยเฉพาะในมุมของการเมือง เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา นิสัยอย่างหนึ่งของผมคือชอบอยู่ท่ามกลางญาติมิตร เพื่อนพ้องน้องพี่ ใครที่รู้จัก หรือใกล้ชิดกับผมจะรู้ว่า บ้านผมเป็นแหล่งรวมการใช้ชีวิตร่วมกันของพี่ ของน้อง ของเพื่อนฝูงมาตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือตลอดมาจนกระทั่งทำงานรับใช้ราชการ ตั้งแต่เป็น “นายทหารชั้นผู้น้อย”จนเป็น “ผู้บัญชาการกองทัพ”ก็เป็นเช่นนั้นเสมอมา เป็นที่พบปะ หารือ ช่วยเหลือเกื้อกูล มีอะไรก็แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ ปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดกัน” พล.อ.ประวิตร ระบุ

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ยิ่งเติบโตในตำแหน่งหน้าที่เครือข่าย แวดวงก็ขยายกว้างขึ้น ยิ่งมีบทบาทเกี่ยวข้องกับความเป็นไปของประเทศยิ่งพบปะ สังสรรค์ เกี่ยวข้องกับผู้คนมากขึ้น ชีวิตที่ดำเนินไปเช่นนี้ของผม ทำให้ได้รับรู้ว่าประเทศไทยของเรานั้นมีผู้ที่มีคุณค่าอยู่มาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จในการสร้างชีวิต ทั้งผู้มีความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน ผู้ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ ทั้งที่เป็นข้าราชการ และภาคเอกชนจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ การใช้ชีวิตร่วมกัน เรียนรู้กันและกัน ทำให้ผมรับรู้ว่าผู้มีความรู้ ความสามารถเหล่านี้ มีไม่น้อยเลยที่มีเจตนาดี และมีจิตใจที่พร้อมจะเสียสละมาทำงานเพื่อประเทศชาติ

“หากรัฐสภาและรัฐบาลได้คนมีความรู้ความสามารถเหล่านี้เข้ามาร่วมงาน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำพาประเทศพัฒนาสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่ที่เกิดขึ้นกับความเป็นไปของประเทศคือโอกาสที่คนเหล่านี้จะได้เข้ามาร่วมทำงานให้กับประเทศนั้นมีน้อยมาก หรือแทบไม่มีหนทางเลย ระบอบประชาธิปไตยของประเทศเรา กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ปิดกั้นพวกเขา การแข่งขันทางการเมืองที่มุ่งเอาชนะคะคานสูงยิ่ง ทำให้ทุกคนที่คิดจะเข้ามาเสี่ยงกับการเป็นเป้าถูกโจมตี ทำลายล้าง ความคิดที่จะเสียสละมาทำงานเพื่อชาติกลายเป็นเปิดทางให้ตัวเองถูกทำลาย คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วเหล่านี้ ทำใจยอมรับความเสี่ยงจากการร่วมทำงานการเมืองกับนักการเมืองในวัฒนธรรมมุ่งทำลายเช่นนี้ไม่ได้” พล.อ.ประวิตร ระบุ


พล.อ.ประวิตร ระบุว่า แม้จะมีบางคนที่กล้าพอจะเข้ามา ทว่าวัฒนธรรมการเลือกตั้งของบ้านเรา ไม่เอื้อให้คนมีความสามารถเหล่านี้ได้รับชัยชนะ เนื่องจากไม่มีความสามารถในการหาคะแนนเท่ากับ “ผู้มีอาชีพนักการเมือง”ที่มีความเชี่ยวชาญในการหาวิธีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งมากกว่า คนมีความรู้ ความสามารถ และมีเจตนาดีต่อการพัฒนาประเทศเหล่านี้ แทบไม่เหลือโอกาสที่จะเข้ามาทำงานให้ประเทศในระบบที่อำนาจต้องผ่านการเลือกตั้ง ตามที่ฝ่าย “ประชาธิปไตยเสรีนิยมมุ่งมั่น กำหนด จึงมีคนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะฝ่าย “อนุรักษ์นิยม”ที่มองไม่เห็นหนทางอื่นที่จะนำผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมกันทำงานให้กับประเทศชาติ นอกจากการทำ “รัฐประหาร” ยึดอำนาจและเปิดโอกาสให้คนมีความรู้ ความสามารถ ด้วยการแต่งตั้งคนเหล่านี้เข้ามา

“การเรียกร้องให้ “กองทัพ”เป็นผู้นำทำรัฐประหาร และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารจัดการประเทศจึงเกิดขึ้นเสมอ และต้องยอมรับว่าการรัฐประหารหลายครั้งในประวัติศาสตร์ เป็นทางออกที่ประชาชนจำนวนไม่น้อย เห็นว่าส่งผลดีต่อประเทศ อย่างยุคสมัยของสมัย “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” นี่เป็นประสบการณ์และมุมมองที่ทำให้ผมเข้าใจ เห็นใจ และพร้อมจะยืนอยู่ข้างความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ของคนกลุ่มที่มีอิทธิพลและส่วนได้ส่วนเสียสูงกับความเป็นไปของประเทศ ของผู้มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มีโอกาสแสดงบทบาท เพราะผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนได้ยากลำบาก จนเป็นที่น่าเสียดายเหล่านี้ แต่ก็นั่นแหละ นั่นเป็นประสบการณ์ช่วงรับราชการทหาร” พล.อ.ประวิตร ระบุ

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า แต่หลังจากเข้ามาทำงานการเมืองในฐานะรัฐมนตรี และจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ และเห็นความเป็นจริงครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่ได้รับชัยชนะ  นักการเมืองที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามาเป็นคนอีกพวกหนึ่ง ตลอดเกือบ 10 ปีของการทำงานในฐานะนักการเมือง จากร่วมรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนถึงมาร่วมสร้าง และเป็น “หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” “แม้ “จิตวิญญาณ” ผมยังมั่นคงกับ “สำนึกอนุรักษ์นิยม” แต่ความเข้าใจต่อความจำเป็นที่ประเทศต้องเดินหน้าไปด้วย “ประชาธิปไตยเสรีนิยม” ได้เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้ง ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังในตอนต่อ ๆ ไปถึงความเข้าใจต่อความจำเป็นดังกล่าว และบอกเล่าถึงความเชื่อมั่นของผมว่าจะประสาน “จิตวิญญาณอนุรักษ์นิยม”อันหนักแน่นของผม ให้เดินหน้าอย่างเข้าใจความจำเป็นของประเทศที่ต้องขับเคลื่อนด้วย “ประชาธิปไตย”ได้อย่างไร จะบอกต่อไป ให้ทุกคนมั่นใจว่า “ผมทำได้ และจะทำอย่างเต็มที่ หากได้รับโอกาส…พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้โดยสารรถทัวร์สยอง นั่งร่วมกับศพจากโคราชถึงลำปาง

ลำปาง 17 มิ.ย. – ไม่รู้นั่งมากับศพทั้งคืน ผู้โดยสารรถทัวร์สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ถึงขนส่งลำปาง ผวาทั้งคัน หลังรถเข้าจอดชานชาลาพบหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบขามีรอยช้ำ เลือดไหล แพทย์คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ช่วง 05.30 น. วานนี้ (16 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสาร สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 38 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง นั่งมากับรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ชั้น 2 ฝั่งซ้ายโซนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งเดียว ขึ้นรถต้นทางจาก จ.นครราชสีมา ปลายทาง จ.ลำปาง โดยรถเข้าจอดที่ชานชาลา เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ได้เชิญผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมชันสูตรศพ ทำเอาผู้โดยสารที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งด้านหน้าและหลัง ถึงกับสยอง […]

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ครูสาวเขียนจดหมายระบายความอัดอั้น ก่อนคิดสั้น-ศธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง

บุรีรัมย์ 17 มิ.ย. – ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น “งานครูหนักและเครียดมากจนทนไม่ไหว” ก่อนตัดสินใจคิดสั้น ด้าน ศธ. สั่งสอบข้อเท็จจริง ยอมรับครูรับภาระหนัก ตำรวจพร้อมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบร่างของครูมัท วัย 39 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ โดยครูตัดสินใจลาโลกด้วยตัวเอง ข้างร่างของครูมีจดหมายลาที่เขียนถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหน้าที่ 1-4 ผู้ตายเขียนถึงพี่สาวซึ่งเป็นข้าราชการครู ลูกสาววัย 10 ขวบ และพ่อแม่ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนถึงการทำงาน ถึงสาเหตุที่ลาโลกใบนี้ เพราะไม่สบายกายและไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งพอกพูนจนแก้ไขได้ยาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะครูมัทเพียงคนเดียว เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน ทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อนเคลียร์เอกสารทีหลัง สุดท้ายนิ่งเฉย ไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเองจนหัวจะระเบิด เป็นไมเกรนแทบทุกวัน […]

สาวโพสต์ถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดัง

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – สาวโพสต์ถูกไฟตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดังดูดมือ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ทำงานไม่ได้ กินข้าวไม่ได้ ชีวิตพัง ห้างโยนภาระให้เดินเอกสารเบิกกับโรงพยาบาลเอง สาวโพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา กำลังขับรถเข้าลานจอดรถห้างฯ แห่งหนึ่ง แล้วลดกระจกเอามือโบกระบบเซ็นเซอร์เพื่อรับบัตรจอด ปรากฏว่าถูกไฟดูดทั้งที่มือไม่ได้แตะโดนเครื่อง เพราะระบบเซ็นเซอร์ไม่ต้องสัมผัสโดน แค่โบกหน้าเครื่อง ตนเองรู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว และชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด คาดว่าไฟฟ้าในเครื่องน่าจะขัดข้อง และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นเลย จะกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือที่ตัวเครื่องก็ไม่กล้า เพราะกลัวถูกไฟดูดรอบ 2 จึงพยายามบีบแตรเรียกหลายครั้งกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหา พอเจ้าหน้าที่มาตนก็บอกว่าถูกไฟดูด แต่เจ้าหน้าที่มาเปิดไม้กั้นให้และไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด จากนั้นรีบเดินไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นชาไปครึ่งตัว เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นานก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอสั่งยาและให้กลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่หายชา ถึงขนาดแขนไม่มีแรงแม้แต่จะเซ็นเอกสาร หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆ เหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าจะหายเองจริงเหรอ เพราะยังทำอะไรไม่ได้เลย ตอนกลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย กินยาคลายกล้ามเนื้อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น […]

ข่าวแนะนำ

ทหาร ฉก.อรัญประเทศ เข้มคุมชายแดน

สระแก้ว 17 มิ.ย. – ทหาร ฉก.อรัญประเทศ เพิ่มความเข้มแนวชายแดน ลาดตระเวนทั้งพื้นดิน น้ำ อากาศ ตลอด 24 ชม. ขานรับมาตรการป้องกันลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย หลังกองกำลังบูรพา ยกระดับการควบคุม ทหารหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ และชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 เพิ่มความเข้มตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จัดกำลังพลออกลาดตระเวนทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ตลอด 24 ชั่วโมง บริเวณพื้นที่คลองลึก คลองพรหมโหด คลองน้ำใส เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย สอดรับกองกำลังบูรพายกระดับควบคุมจุดผ่านแดนชายแดนสระแก้วขั้นสูงสุด สั่งห้ามคนไทยทุกประเภทที่เป็นพนักงานในบ่อนการพนัน กาสิโน หรือสถานบันเทิงในเมืองปอยเปต เดินทางออกนอกราชอาณาจักรผ่านทุกจุดผ่านแดนในพื้นที่ เริ่มตั้งแต่ 17 มิ.ย.68 เป็นต้นไป .-สำนักข่าวไทย

ชายแดนช่องจอมลุ้นนำเข้าผัก-ผลไม้ไทยปกติ

สุรินทร์ 17 มิ.ย. – ชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ ขณะนี้แม้จะยังไม่มีสัญญาณจากทางการไทยว่าจะกลับมาเปิดด่านชายแดนตามปกติ แต่บรรดาผู้ค้าตลาดชายแดนยังหวังทั้งสองฝ่ายจะไม่มีมาตการกีดกันการค้าเพิ่ม ซ้ำเติมผลกระทบที่หนักอยู่แล้วในปัจจุบัน ประตูจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ถูกปิดเป็นระยะแบบนี้ตามมาตรการกดดันกัมพูชา ครบ 1 สัปดาห์แล้ว หลังทางการไทยลดจำนวนวันและเวลาเปิดด่านเหลือเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์ พุธ และศุกร์ วันละ 7 ชั่วโมง จากเดิมเปิดทุกวัน วันละ 16 ชั่วโมง ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าช่องจอมได้รับผลกระทบอย่างหนัก ล่าสุดต้องลุ้นหนักขึ้นไปอีก หลังวานนี้ (16 มิ.ย.) สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ขู่ว่าจะห้ามนำเข้าผัก-ผลไม้ไทย หากไทยไม่กลับมาเปิดด่านตามปกติ ทำให้ผู้ค้าผัก-ผลไม้ในตลาดชายแดนช่องจอม วิตกอย่างหนัก อย่างแม่ค้าชาวจันทบุรีคนนี้ปักหลักค้าขายผลไม้ที่ช่องจอมมา 12 ปี การลดจำนวนวันและเวลาเปิดด่าน ยอดขายวันละ 40,000 บาท […]

ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ยังคึกคัก-กัมพูชาเปิดด่านปกติ

สระแก้ว 17 มิ.ย. – ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ยังคึกคัก ฝั่งกัมพูชาเปิดด่านปกติ ขณะที่ไทยเพิ่มความเข้มงวดอย่างยิ่งยวด ใครอยู่ฝั่งปอยเปตให้รีบกลับ ส่วนคนไทยที่จะข้ามไปกัมพูชา หากไม่จำเป็นขอให้งดการเดินทาง เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. ฝั่งไทยได้มาเปิดประตูตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามปกติ ตามมาตรการผ่อนคลายที่ให้นักเรียนสามารถข้ามไปมาได้ จากนั้นเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารและกรมศุลกากร เปิดประตูใหญ่ให้ประชาชนสัญจรทั่วไปได้ตามเวลาที่กองกำลังบูรพากำหนดในขณะนี้คือ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนและทางฝั่งไทยจับตาดูฝั่งกัมพูชาว่าในเวลา 09.00 น. จะมีการเปิดด่านหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าฝั่งกัมพูชาอาจมีการปิดด่าน แต่เมื่อถึงเวลา 09.00 น. ปรากฏว่าด่านเปิดตามปกติและภาพที่เห็นขณะนี้คือมีประชาชนชาวกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ข้ามมาฝั่งไทย เพื่อติดต่อค้าขายและทำการค้าตามปกติ อีกส่วนหนึ่งที่มีการจับตาในวันนี้คือ หลังกองกำลังบูรพาออกคำสั่งเมื่อค่ำวานนี้ และมีผลตั้งแต่ 08.00 น. วันนี้ ในการรักษาความปลอดภัยสูงสุดของคนไทย ที่จะข้ามแดนไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา คือเพิ่มความเข้มงวดคนไทยที่เป็นพนักงานทุกประเภทของบ่อนการพนันกาสิโนและสถานบันเทิงทุกชนิดในปอยเปต ออกนอกราชอาณาจักร ทุกจุดผ่านแดนในจังหวัดสระแก้ว พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจากกองกำลังบูรพาตั้งแต่ค่ำวานนี้ […]

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025

ทำเนียบ 17 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา Miss World 2025″ พร้อมสานต่อโครงการฯ ให้กำลังใจนายกฯ Women to Women ขณะข้าราชการ-สื่อ แห่ถ่ายรูปคึกคัก ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (17 มิ.ย.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี หรือ โอปอล Miss World 2025 คนที่ 72 หลังคว้ามงกุฎฟ้า มงแรกให้กับประเทศไทย พร้อมด้วยนางจูเลีย มอลีย์ ประธานองค์กรมิสเวิลด์ พร้อมด้วย แม่ปุ้ย นางปิยาภรณ์ แสนโกศิก ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล โดยมีบรรดารัฐมนตรีร่วมต้อนรับและถ่ายรูปแสดงความยินดีด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีสนับสนุนโครงการ Opal for her […]