กก.ปรองดอง เตรียมสรุปข้อเสนอพรรคการเมืองชุดแรก

52019322กระทรวงกลาโหม 17 ก.พ.- โฆษกคณะกรรมการปรองดอง  เตรียมสรุปข้อเสนอพรรคการเมืองชุดแรกเพื่อจัดทำร่างสัญญาประชาคม เผยพรรคการเมือง ยอมรับปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยหลักนิติธรรมควบคู่กับหลักประชาธิปไตย เพื่อสร้างความปรองดองในสังคมร่วมกัน


พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า ในการหารือ พูดคุยร่วมกับคณะอนุกรรมการประชุมคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน เมื่อวานนี้ (16ก.พ.)ที่มีพรรคชาติพัฒนา พรรคประชากรไทย พรรคไทยรวมพลังและพรรคไทยมหารัฐพัฒนา และวันนี้ (17ก.พ.) มีพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมหารือนั้น  บรรยากาศการพูดคุยในวันนี้เป็นไปด้วยดี พรรคประชาธิปัตย์มีการเตรียมข้อมูลมาดี และสรุปข้อคิดเห็นแต่ละด้านมาหารือกัน

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ด้านการเมือง พบมีการทุจริตคอรัปชั่น ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย และพบว่าประชาธิปไตยไม่มีปัญหาแต่อยู่ที่ผู้ใช้ ทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจนักการเมือง ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัญหาหลัก เกิดจากระบบทุนที่มาสนับสนุนพรรค ที่เป็นแบบต่างตอบแทนกัน โดยพรรคการเมืองมีข้อเสนอว่าประชาธิปไตยต้องอยู่คู่กับหลักนิติธรรม ที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และรัฐบาลต้องมีอำนาจที่จำกัดต้องไม่แทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระและจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นกับองค์กรอิสระด้วย และทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ต้องเคารพสิทธิและหน้าที่ของตัวเอง โดยรัฐบาลเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมและเข้าถึงสิทธิได้อย่างเท่าเทียมกัน


“นอกจากนี้ยังพบว่านายทุนมีอิทธิพลต่อทุกพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นต้องทำให้ประชาธิปไตยเดินคู่ไปกับหลักนิติธรรม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย และนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในทางการเมืองด้วย คือพอเพียง พอประมาณ และไม่สุดโต่งในการบริหาราชการแผ่นดิน” พล.ต.คงชีพ กล่าว

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ส่วนเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม จะต้องมีการกระจายรายได้และปฎิรูปอย่างเร่งด่วน เน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม โดยให้ประชาชนมีสิทธิทำมาหากินครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม

พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลต้องต้องมีขอบเขตอำนาจที่จำกัดไม่แทกแซงองค์กรอิสระ มีกลไกบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัด สามารถตรวจสอบทุจริตในทุกหน่วยงานและประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล ตรวจสอบรัฐบาลได้ ซึ่งเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นต้องแก้ปัญหาด้วยการปลูกฝังค่านิยม และให้ทราบผลกระทบที่จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ต้องทำให้ประชาชนรู้สิทธิหน้าที่ของตัวเอง มีส่วนร่วม มีความเข้มแข็งในการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐ


โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ด้านการต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอมุมมองที่คล้ายกันกับคณะอนุกรรมการฯ ว่าไม่ควรนำความขัดแย้งของพรรคที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ไปขยายจนกระทบภาพลักษณ์และความเสียหายแก่ประเทศ และสื่อมวลชนมีผลต่อความขัดแย้งต้องพิจารณาตนเองนำเสนอข้อมูลบนความถูกต้อง ไม่หวังผลประโยชน์ทางการเมืองและรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ จึงเสนอ ควรมีกลไกพิเศษมาดูแลเรื่องจริยธรรมของสื่อ

พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการปฎิรูป ทุกฝ่ายต้องยอมรับว่ามีส่วนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งต้องร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขให้เกิดความสามัคคีปรองดอง ส่วนยุทธศาสตร์ชาติทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือ เพราะเป็นการกำหนดอนาคตและเป้าหมายระยะยาวของประเทศจึงต้องกำหนดวิสัยทัศน์ในระยะยาว ค่อย ๆ สร้างความเข้าใจต่อไป แต่อาจมีความยืดหยุ่นเช่นการกำหนดวิสัยทัศน์ คราวละ 5 ปี เป็นต้น

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยังเห็นด้วยกับการสร้างความสามัคคีปรองดองที่อยากให้มีเจ้าภาพเดียวในการดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ถือว่าดีแล้ว  และไม่วิจารณ์ข้อคิดเห็นของกลุ่มต่าง ๆ ในที่สาธารณะ และเปิดกว้างรับฟังความเห็นทุกฝ่ายและการปรองดองที่เกิดขึ้นจะต้องทำความจริงให้ปรากฎ  อย่างไรก็ตามข้อเสนอแนะของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นประโยชน์ที่คณะอนุฯ จะใช้เป็นแนวทางสร้างความปรองดองร่วมกันในอนาคตพร้อมขอเวลาในการรวบรวมข้อมูล ขอให้เชื่อใจการทำงานของคณะอนุกรรมการด้านต่างๆ

พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ จะเปิดโอกาสให้พรรคประชาธรรม พรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน และพรรคประชาสามัคคี ซึ่งทั้ง 3 พรรคจะเดินทางมาประชุมพร้อมกันในเวลา 13.30-16.30น. ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าแสดงความคิดเห็น และในวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ พรรคปฎิรูปไทย ,พรรคพลังคนกีฬา และพรรคเพื่อชีวิต จะเข้าร่วมให้ข้อเสนอแนะกับคณะอนุกรรมการดังกล่าวในเวลา 13.30-16.30น. เช่นเดียวกัน

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในวันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ จะไม่เชิญพรรคการเมืองร่วมให้ข้อเสนอแนะ เพราะคณะอนุกรรมการรับฟังข้อคิดเห็นจะรวบรวมข้อมูลจากพรรคการเมืองต่าง ๆที่ประชุมไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 14-21 กุมภาพันธ์ เพื่อจัดทำข้อสรุปเบื้องต้นก่อน และส่งให้คณะอนุกรรมการบูรณาการข้อคิดเห็นที่มีพล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน  ซึ่งหากยังไม่ได้ข้อเสนอที่ชัดเจนก็จะประชุมกลุ่มย่อยให้แล้วเสร็จก่อนจะนำข้อสรุปไปให้กับคณะอนุกรรมการข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มีพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธาน เพื่อจัดทำร่างสัญญาประชาคมต่อไป และจะรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่คู่ขนานกันไปด้วย เพราะกระบวนการปรองดองเป็นของประชาชนทุกคนความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้หากประชาชนช่วยกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง