สนามหลวง 31 ธ.ค.- เจ้าหน้าที่ กทม.จัดเตรียมพื้นที่ท้องสนามหลวง ทิศใต้ เพื่อจัดงานแสงเทียนแห่งสยาม คืนนี้ ขณะที่ประชาชนทั่วสารทิศจำนวนมากยังเข้าแถวรอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวงทิศใต้ ช่วงเช้าวันนี้ (31 ธ.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับประชาชนที่จะมาร่วมงานแสงเทียนแห่งสยาม ซึ่งจะมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีธรรม พุทธศักราช 2560 โดยจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครได้นำรถบดถนนเข้ามาปรับสภาพพื้นดินให้เรียบ พร้อมฉีดน้ำไม่ให้ฝุ่นกระจาย และเตรียมนำผ้ายางมาปูพื้นเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามานั่งสวดมนต์ข้ามปี ได้สะดวกสบายมากขึ้น และเจ้าหน้าที่ได้เตรียมหนังสือสวดมนต์ข้ามปีแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เข้ามาร่วมสวดมนต์ในช่วงค่ำนี้ด้วย
ขณะที่เวทีกิจกรรมหลักได้ติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนบริเวณที่ปักหมดพระเมรุมาศ 9 หมุด ได้นำต้นไม้มาวางล้อมรอบประดับไว้ และเตรียมติดตั้งไฟส่องสว่างรอบหมุด เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ประชาชนเห็น
สำหรับกำหนดการของกิจกรรมแสงเทียนแห่งสยาม เวลา 19.00 น. จะแจกโคมเทียน 100,000 โคม ให้กับประชาชนใน 8 จุด รอบสนามหลวง จากนั้น เวลา 20.30 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เวลา 21.00 น. ร่วมถวายความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ยืนสงบนิ่งไว้อาลัย 89 วินาที เวลา 23.45 น. ร่วมกันสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และถวายเป็นพระราชกุศล
จากนั้นเวลา 24.00 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ลั่นฆ้องชัย 9 ครั้ง ประชาชนร่วมสวดมนต์ข้ามปีบทชยันโต และร่วมร้องเพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ และเพลงสรรเสริญพระบารมี และเวลา 00.09 น. จะร่วมกันจุดเทียน “แสงเทียนแห่งสยาม” พระสงฆ์และประชาชนสวดมนต์รับปีใหม่ บทชัยมงคลคาถา ซึ่งเป็นการสวดมนต์ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ บูรพมหากษัตริยาธิราช และพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ รวมถึงสวดมนต์ให้ประเทศไทย ประชาชน ครอบครัว และตนเอง ให้มีความสุขตลอดทั้งปีใหม่
สำหรับบรรยากาศภายในพื้นที่ท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ ประชาชนจากทั่วสารทิศยังคงเข้าแถวเพื่อรอเข้ากลับถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นจำนวนมาก นางสายทอง เคยกิ่ง ชาวจังหวัดบุรีรัมย์วัย 54 ปี เปิดเผยว่าออกเดินทางจากจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. มาถึงท้องสนามหลวง เวลา 04.00 น.
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ แม้จะต้องรอนานอีกหลายชั่วโมง ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ยืนยันว่าจะรักในหลวงและซื่อสัตย์ต่อในหลวงตลอดไป ที่ผ่านมาก็ได้สอนลูกหลานให้รักในหลวง และอยากให้คนไทยรักกัน และซื่อสัตย์ต่อในหลวงด้วย” นางสายทอง กล่าว
ด้านนางบุญนาค เลากระโทก ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ วัย 56 ปี กล่าวว่า ภูมิใจที่ได้มากราบถวายบังคมพระบรมศพ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว และวันนี้แจกพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะนำไปใส่กรอบและติดตั้งบูชาไว้ที่บ้าน
“ส่วนตัวอยากบอกกับในหลวงว่า ไม่ต้องห่วงประชาชน เพราะหลังจากนี้ประชาชนจะปฎิบัติตามที่ท่านเคยสอน โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ผ่านมาได้สอนให้ลูกหลานรักในหลวง และไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน อยากให้ประชาชนคนไทยรักกัน และไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเองด้วย” นางบุญนาค กล่าว .- สำนักข่าวไทย