ทำเนียบรัฐบาล 22 พ.ย.-รมว.ยุติธรรม ย้ำ ต้องรอคำสั่งฟ้องของอัยการก่อนจึงจับกุมพระธัมมชโยได้ ชี้ หากสั่งคดีล่าช้า อาจถูกมองว่ามีเรื่องิทธิพลแทรกแซง ระบุ กระแสพระธัมมชโยออกนอกประเทศแล้วเป็นข่าวลือ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีอัยการคดีพิเศษเลื่อนการสั่งคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด และพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กับพวก ฐานฟอกเงิน และรับของโจรไปเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายนว่า ยังไม่ทราบว่าอัยการจะมีแนวทางอย่างไร เพราะไม่สามารถก้าวก่ายได้ ซึ่งฝ่ายบริหาร อัยการ กระบวนการยุติธรรมเป็นอิสระต่อกัน
“การสั่งคดีล่าช้า อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีเรื่องอิทธิพล บุคคล หรือสิ่งแวดล้อมอื่นใดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะก่อนหน้านี้เคยสั่งไม่ฟ้อง แต่ทั้งนี้ก็ต้องมั่นใจในการทำหน้าที่ของอัยการด้วย ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสอน จะต้องทำสำนวนให้เข้มแข็ง ซึ่งที่ผ่านมา ฝ่ายสอบสวน มั่นใจว่าได้ทำสำนวนหลักฐานอย่างรัดกุมแล้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า หากวันที่ 30 พฤศจิกายน อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่พนักงานสอบสวนจะไม่จับกุมตามขั้นตอน ซึ่งเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการให้เด็ดขาด แต่หากคดียังไม่ถูกสั่งฟ้องก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปจับกุม จึงต้องอดทนรอ ขอให้มั่นใจว่าอัยการและพนักงานสอบสวนจะมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนข่าวลือที่พระธัมมชโยออกนอกประเทศไปแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เป็นข่าวลือ แต่ตามข้อมูลพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย.-สำนักข่าวไทย