สมุทรสาคร 16 ธ.ค.-ปลาหมอสี เป็นปลาที่นิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ เพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนหัวมีความโหนกนูน สีสันสวยงาม สะดุดตา อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าเลี้ยงเพื่อเสริมฮวงจุ้ย ปัจจุบันมีราคาดี
ปลาหมอสีหลากหลายสีสัน ทั้งสีแดง สีฟ้า และสีขาว ที่แหวกว่ายโชว์ความสวยงามในตู้โชว์เหล่านี้ เป็นของเศรษฐศักดิ์ โสจิศันสนีย์ หรือ พี่โอเล่ ซึ่งยึดอาชีพเปิดฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาหมอสีมานานกว่า 10 ปี พี่โอเล่บอกว่า ปลาหมอสีกำลังเป็นที่นิยมของผู้เลี้ยงปลาประเภทสวยงาม ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากสีสันของตัวปลาที่ดึงดูดความสนใจแล้ว เอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกอย่าง คือ ส่วนหัวของปลาที่โหนก นูน ก้อนใหญ่แปลกตา และเชื่อกันว่าใครที่เลี้ยงไว้จะช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้วย
ปลาหมอสีมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ นิยมหลักๆ มี 2 ประเภท คือ ปลาแดง และปลามุก ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยปลาแดงให้สังเกตจากลำตัวปลามีพื้นสีแดง กลางลำตัวเป็นจุดสีดำยาว ส่วนปลามุก จะมีหลากหลายสี ทั้งสีฟ้า เขียว ขาว และสีทอง ซึ่งผู้เพาะเลี้ยงสามารถนำมาผสมข้ามสายพันธุ์กันจนได้สีสันตามที่ต้องการ
ส่วนขั้นตอนการผสมพันธุ์ ต้องเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ พ่อพันธุ์ควรมีอายุประมาณ 8 เดือน แม่พันธุ์อายุ 5-6 เดือน จับมาใส่อยู่ในตู้เดียวกัน แต่ต้องมีแผงกั้นกลางตู้ให้อยู่คนละฝั่ง เพราะนิสัยของปลาหมอสีชอบกัดกัน พอมาอยู่ด้วยกันสักระยะ ให้สังเกตที่ท่อรังไข่ของตัวเมียจะยื่นออก จากนั้นค่อยเปิดที่กั้น พร้อมกับวางถาดกระเบื้องไว้ สำหรับให้ปลาวางไข่
พอตัวเมียวางไข่แล้ว ตัวผู้ก็จะเข้ามาฉีดน้ำเชื้อ ทิ้งไว้ 1 วัน นำถาดกระเบื้องออกมาแยกในกะละมังที่เตรียมไว้ ไม่เกิน 5 วัน ไข่ปลาจะเริ่มฟักเป็นตัว อาหารที่ใช้เลี้ยงลูกปลาจะใช้ไรฝุ่นเป็นหลัก พอลูกปลาอายุ 15 วัน ให้เปลี่ยนอาหารเป็นไส้เดือนน้ำแทน ส่วนราคาขายปลาหมอสีจะแตกต่างกันไป ขนาด 1 นิ้วครึ่งตัวละ 150-200 บาท ถ้าขนาด 3 นิ้วครึ่ง ตัวละ 300-350 บาท
การเลี้ยงปลาหมอสีต้องมีการควบคุมอุณหภูมิที่ 28-35 องศาฯ ใบตองนอกจากช่วยในการช่วยควบคุมอุณหภูมิแล้ว ยังช่วยเคลือบสีผิวปลาให้เงางาม และป้องกันโรคจุดขาวได้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย