กรุงเทพฯ 23 พ.ย. – ธนาคารออมสินเผยดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากไตรมาส 3 ปี 59 ส่งสัญญาณดีขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 49 และแนวโน้มต่อสถานการณ์ อีก 6 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.8 เป็นครั้งแรกในรอบปี สะท้อนประชาชนมีความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (GSI) ไตรมาส 3 ปี 2559 สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาททั่วประเทศ 1,526 ตัวอย่าง พบว่า GSI ไตรมาส 3 ปี 2559 ส่งสัญญาณดีขึ้น อยู่ที่ระดับ 49.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2559 ที่อยู่ระดับ 44.1 ประชาชนระดับฐานรากรู้สึกว่ามีความมั่นใจในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในอนาคตว่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับคาดหวังว่ารัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จึงทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบใกล้เคียงปกติระดับ 50
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากต่อสถานการณ์ใน 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 45.9 ในไตรมาส 2 ปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 51.8 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปี สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนระดับฐานรากส่วนใหญ่มีความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าในระดับที่ดี เนื่องจากคาดหวังว่ารัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นด้านต่าง ๆ เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2559 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นด้านการจับจ่ายใช้สอย การหารายได้ การออม ภาวะเศรษฐกิจ และการหางานทำ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนด้านภาระหนี้สินปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจฯ คาดการณ์ว่าการบริโภคของภาคประชาชนน่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญและเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการบริโภคน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 เป็นต้นไป ถ้าสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกคลี่คลายลง และประสิทธิภาพของการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องการเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย พบว่า 3 อันดับแรก คือ ควบคุมราคาสินค้าจำเป็น การหาอาชีพเสริมให้ และการให้สวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อย .-สำนักข่าวไทย