รัฐสภา 24 พ.ย.- สนช.รับหลักการวาระ 1 ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา แก้ไขกรอบระยะเวลาการบังคับโทษปรับ และกำหนดโทษปรับความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนสาหัส ในสัดส่วนอัตราโทษจำคุก 1 ปี ต่ออัตราโทษปรับ 2 หมื่นบาท
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. … (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด) ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงสาระสำคัญว่า เป็นการปรับแก้ไขกรอบระยะเวลาการบังคับโทษปรับให้รวมถึงเรื่องการอายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินเพื่อใช้ค่าปรับให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากบทบัญญัติเกี่ยวกับอัตราโทษปรับในประมวลกฎหมายอาญายังไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน จึงเห็นควรที่จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ในร่างพระราชบัญญัติได้กำหนดเพิ่มกรณีการอายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สิน เพื่อใช้ค่าปรับที่ต้องทำภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด และเพิ่มบทบัญญัติความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัส โดยกำหนดให้มีโทษปรับในสัดส่วนอัตราโทษจำคุก 1 ปี ต่ออัตราโทษปรับ 2 หมื่นบาท จากเดิมที่กำหนดเพียงแต่โทษจำคุก เช่น มาตรา 297 แก้ไขเป็น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท และมาตรา 298 แก้ไขเป็น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 4 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุอันตรายสาหัสที่ทำให้ผู้กระทำผิดต้องรับโทษตามบทบัญญัติดังกล่าว มีลักษณะความร้ายแรงต่างกัน การกำหนดให้มีโทษปรับด้วย จะทำให้ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดโทษให้เหมาะสมกับพฤตการณ์แต่ละกรณีมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิก สนช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เนื่องจากเป็นก้าวแรกของการปฏิรูปประมวลกฎหมายอาญา และเป็นการแก้ไขกฎหมายทั้งระบบ
จากนั้น ที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการวาระ 1 ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. … (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด) ด้วยคะแนน 195 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจำนวน 15 คน กรอบระยะเวลาทำงาน 30 วัน แปรญัตติภายใน 7 วัน.-สำนักข่าวไทย