อีไอซีประเมินราคาน้ำมันดิบปีหน้า 52 ดอลลาร์/บาร์เรล

กรุงเทพฯ 25 พ.ย. – ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่าหลังจากนายโดนัล ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่แล้ว ราคาน้ำมันปีหน้าอาจจะอยู่ที่ประมาณ 52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ด้านรัสเซียพร้อมลดกำลังผลิต 2-3 แสนบาร์เรล/วัน หากการประชุมโอเปกสิ้นเดือนนี้มีข้อตกลงลดกำลังผลิตลงได้


อีไอซี รายงานว่าธุรกิจน้ำมันมีแนวโน้มสดใส เนื่องจากนโยบายของทรัมป์สนับสนุนการลงทุนและการจ้างงานในธุรกิจน้ำมันมุ่งสู่เป้าหมายให้สหรัฐเป็นประเทศที่พึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน นโยบายสำคัญที่จะช่วยผลักดันการลงทุนในธุรกิจน้ำมัน ได้แก่ 1.การเพิ่มพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันในที่ดินของรัฐบาลกลาง (federal land) ทั้งบนบก ในทะเล บริเวณอ่าวเม็กซิโก และมหาสมุทรอาร์คติก ซึ่งสหรัฐมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่ได้ขุดเจาะออกมาสูงที่สุดในโลก คิดเป็นมูลค่าสูงถึงประมาณ 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 2.การขอใบอนุญาตขุดเจาะน้ำมันในที่ดินของรัฐบาลกลางจะรวดเร็วขึ้น จากเดิมใช้ระยะเวลาสูงถึง 300 วัน ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันส่วนใหญ่หันไปเช่าที่ดินเอกชนหรือที่ดินของรัฐแทน ซึ่งใช้เวลาขอใบอนุญาตสั้นกว่ามาก เช่น ใน Texas ใช้เวลาเพียง 2-4 วันทำการเท่านั้น และ 3.การปฏิรูปภาษีในธุรกิจน้ำมัน เช่น การนำ Intangible Drilling Cost (IDC) มาลดหย่อนภาษีได้ นโยบายดังกล่าวจะเป็นแรงจูงใจให้ธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันขยายการลงทุน มีต้นทุนที่ถูกลง และสร้างงานในธุรกิจน้ำมันได้ประมาณ 500,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่สหรัฐจะเปลี่ยนจากผู้นำเข้ากลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิภายในปี 2023 เร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ปี 2028

การสำรวจขุดเจาะ tight oil และ shale gas ในสหรัฐมีโอกาสเติบโต เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันดีขึ้น ส่งผลให้อุปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสูงขึ้นด้วย สหรัฐมี tight oil และ shale gas จำนวนมหาศาลซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้เปลือกโลกประมาณ 1.5-3 กิโลเมตร ทำให้ต้องใช้เทคโนโลยีการขุดเจาะที่ทันสมัยและมีต้นทุนสูงเรียกว่า Hydraulic Fracturing หรือ Fracking ซึ่งได้รับการต่อต้าน เพราะทำให้เกิดการเจือปนของสารพิษในน้ำใต้ดิน ส่งผลต่อคุณภาพและความสะอาดของน้ำดื่ม อย่างไรก็ตาม ทรัมป์จะดำเนินมาตรการสนับสนุนการขุดเจาะแบบ Fracking ซึ่งอีไอซีมองว่าด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำในปัจจุบัน กิจกรรมการขุดเจาะ tight oil และ shale gas จะยังทรงตัว แต่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งเมื่อราคาน้ำมันดิบสูงกว่า 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นจุดคุ้มทุนเฉลี่ยของผู้ผลิต


การเร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่อส่งน้ำมันส่งผลดีด้านวัตถุดิบต่อธุรกิจโรงกลั่นในสหรัฐ ทรัมป์ประกาศว่าจะเร่งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่าง ๆ เพื่อผลักดันการลงทุนภาคเอกชนและการจ้างงาน เช่น การก่อสร้างโครงการท่อส่งน้ำมัน Keystone XL ยาว 1,900 กิโลเมตร จากรัฐ Alberta ในแคนาดา มายังรัฐ Nebraska ในสหรัฐ ซึ่งโอบามายับยั้งโครงการนี้ไปในปี 2015 จากความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมเพราะการผลิตและกลั่น oil sand ที่ได้จากแคนาดาจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันดิบชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะกลับมาดำเนินการอีกครั้งภายใต้รัฐบาลทรัมป์ ซึ่งจะลำเลียงน้ำมันจากแคนาดามาเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำมันที่มีอยู่ ส่งลงมายังโรงกลั่นที่กระจุกตัวบริเวณแถบ Mid-West และอ่าวเม็กซิโก ทำให้โรงกลั่นลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศในตะวันออกกลางที่มีอุปทานน้ำมันค่อนข้างอ่อนไหวต่อประเด็นทางการเมือง ทั้งนี้ คาดว่าโครงการ Keystone XL จะทำให้ GDP ของสหรัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างงานได้ 9,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ หากทรัมป์ตัดสินใจกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์อีกครั้งจะทำให้ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้น ภายหลังจากที่อิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม OPEC ได้รับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรจากกลุ่ม P5+1 (สหรัฐ สหราชอาณาจักร จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี และรัสเซีย) ในปี 2015 อิหร่านได้เร่งผลิตน้ำมันให้ได้ปริมาณเท่ากับช่วงก่อนโดนคว่ำบาตรที่ระดับ 4 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ซึ่งในช่วงที่ยังมีความเสี่ยงว่าทรัมป์จะนำเรื่องอิหร่านกลับมาพิจารณาหรือไม่นี้ คาดว่าอิหร่านจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันออกมาอีก และไม่ยอมเข้าร่วมกับกลุ่ม OPEC ในการกำหนดเพดานการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน หากในที่สุดทรัมป์ตัดสินใจดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งเป็นอำนาจของประธานาธิบดีที่สามารถกระทำได้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นระยะสั้นจากปัจจัยความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการตึงตัวของอุปทานประมาณ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เพราะอิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้ในบางตลาด

ขณะเดียวกันธุรกิจพลังงานทดแทนมีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากทรัมป์อาจยกเลิกนโยบายต่าง ๆ ที่สนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ผลิตในสหรัฐและผู้ส่งออกอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทน ทรัมป์โจมตีการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ และพลังลมว่ามีต้นทุนแพง ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าทรัมป์จะยกเลิกนโยบายที่สนับสนุนธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น แผนพลังงานสะอาด (Clear Power Plan) ที่จำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม นโยบายที่ผ่านสภาคองเกรสไปแล้ว เช่น การให้ production tax credit (PTC) จำนวน 23 ดอลลาร์สหรัฐ/เมกะวัตต์ชั่วโมง แก่ผู้ผลิตพลังงานลม และ investment tax credit (ITC) ร้อยละ 30 ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ น่าจะยังดำเนินได้ต่อไป เพราะได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ซึ่งเดิมมาตรการดังกล่าวทำให้การลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในสหรัฐมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น การให้ ITC ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2006 ทำให้การติดตั้งแผงโซล่าร์ในสหรัฐเติบโตถึงร้อยละ 76 ต่อปี การลดการสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทนของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐให้มีต้นทุนสูงขึ้นหลังจากที่นโยบาย PTC และ ITC หมดอายุลงตามแผนในปี 2019 และ 2023 ตามลำดับ รวมถึงผู้ผลิตในเอเชียโดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกหลักของแผงโซล่าร์ และอินเวอร์เตอร์ ที่ใช้ในระบบการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ จะมีความสามารถในการแข่งขันลดลง เนื่องจากทรัมป์อาจเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวให้สูงถึงร้อยละ  30-45 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณร้อยละ  5-11  คาดว่าในอีก 4-8 ปีข้างหน้าอัตราการขยายตัวของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสหรัฐจะชะลอตัวลงเหลือประมาณปีละร้อยละ 2  โดยเฉลี่ย จากเดิมขยายตัวประมาณร้อยละ  24


อีไอซีมองว่าราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากอุปทานน้ำมันที่จะสูงขึ้นอีกมากในสหรัฐระยะกลางราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันและเศรษฐกิจโลก การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันระยะสั้นยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการลงทุนขุดเจาะน้ำมันที่ได้รับแรงกระตุ้นจากนโยบายของทรัมป์จะยิ่งทำให้อุปทานน้ำมันล้นตลาดมากขึ้นอีก เว้นแต่ว่าจะมีเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่านที่จะทำให้ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้นได้ ระยะกลางคาดว่าราคาน้ำมันจะค่อย ๆ ปรับระดับสูงขึ้น จากปัจจัยด้านอุปสงค์น้ำมันที่เร่งขึ้นมาทันกับอุปทาน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดภาษี นโยบายสนับสุนนภาคธุรกิจ การใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สนามบิน รวมถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมของทรัมป์ จะผลักดันให้มีความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น ทั้งนี้ อีไอซีประเมินราคาน้ำมันปี 2017 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ด้าน บมจ. ไทยออยล์ รายงานว่าตลาดน้ำมันขณะนี้จับตาดูการประชุมกลุ่มโอเปกวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ว่าจะมีข้อตกลงลดกำลังผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 -33.0 ล้านบาร์เรล/วัน ได้หรือไม่ ล่าสุดนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซีย เปิดเผยว่า รัสเซียมีท่าทีที่จะปรับแผนกำลังการผลิตน้ำมันดิบปี 2560 ลง 200,000 – 300,000 บาร์เรลต่อวัน หากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกมีผลบังคับใช้ ขณะที่นายนาติก อาลิเยฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของอาเซอร์ไบจาน ระบุว่ากลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้กลุ่มประเทศนอกกลุ่มโอเปกช่วยปรับลดกำลังการผลิต 880,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซียออกมาโต้แย้งว่าปริมาณการผลิตที่จะปรับลดลงอยู่ที่ 500,000 บาร์เรล/วัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตกลางวงสังสรรค์ที่อิสราเอล

อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68 ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน […]

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]