แอริโซนา 22 ก.ย.- ภาพประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสายอนุรักษนิยมไปร่วมพิธีไว้อาลัยที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 21 กันยายน ให้แก่นายชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายขวาที่นายทรัมป์กล่าวอ้างว่าถูกฝ่ายซ้ายตกขอบลอบยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 กันยายน ตอกย้ำถึงปัญหาการลอบสังหารทางการเมืองและความแตกแยกทางแนวคิดการเมืองระหว่างขั้วฝ่ายขวาและขั้วฝ่ายซ้ายในประเทศต้นแบบประชาธิปไตยแห่งหนึ่งของโลก
ความรุนแรงทางการเมืองในสหรัฐเปลี่ยนไปจากอดีต
ดร.เจมส์ อลัน ฟ็อกซ์ นักอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นในสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐเกิดเหตุสังหาร พยายามลอบสังหาร และใช้ความรุนแรงข่มขู่ทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าการลงมือจริงมีจำนวนไม่มาก แต่พบว่าสมาชิกรัฐสภา ผู้พิพากษา และผู้ที่อยู่ในแวดวงการเมืองถูกข่มขู่มากขึ้น นักการเมืองพากันพูดจาด้วยน้ำเสียงและท่าทีร้อนแรง ในแบบที่พวกเขาไม่กล้าพูดเมื่อหลายสิบปีก่อน
ข้อมูลของศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (CSIS) ระบุว่า สหรัฐเกิดเหตุปองร้ายและการวางแผนร้ายที่มีแรงจูงใจจากความเห็นต่างทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2559 เป้าหมายมีทั้งเจ้าหน้าที่เลือกตั้ง ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่พรรคการเมือง และคนทำงานทางการเมือง โดยพบว่า ช่วง 5 ปีมานี้สหรัฐเกิดเหตุลักษณะนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ขณะที่รอยเตอร์ระบุว่า ความรุนแรงทางการเมืองในสหรัฐมาถึงจุดเลวร้ายที่สุดนับจากช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970
ดร.ฟ็อกซ์ตั้งข้อสังเกตว่า ความแตกต่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ คนร้ายมุ่งเป้าหมายไปที่บุคคลที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับพรรคตรงข้าม แทนที่จะปองร้ายที่ทำการหรือลูกจ้างรัฐบาลเหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีกลุ่มติดอาวุธเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 นอกจากนี้การพูดคุยทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง FaceBook X และ TikTok กลายเป็นสถานที่บ่มเพาะความแตกแยกทางการเมืองและการใช้ความรุนแรงทางการเมือง
แบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนกลายเป็นสุดโต่ง
ผลการสำรวจของกัลลัพ (Gallup) ในปีนี้พบว่า มีสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันจำนวนมากขึ้นที่ประกาศตัวว่าเป็นพวกสุดโต่งของขั้วทางการเมืองฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา และมีข้อมูลว่า ชาวอเมริกันของทั้งสองพรรคมีความเห็นไม่ตรงกันมากขึ้นในเรื่องที่เป็นชุดข้อเท็จจริงเดียวกัน
ดร.ฟ็อกซ์กล่าวว่า มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า คนจำนวนมากในสหรัฐเชื่อว่ากำลังจะเกิดสงครามกลางเมือง นักวิชาการวัย 74 ปีรายนี้เผยด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นใครใส่หมวกประกาศตัวว่าสังกัดพรรคการเมืองใดมาก่อน แต่ทุกวันนี้มีคนใส่หมวกมีคำว่า MAGA หรือ MAKE AMERICA GREAT AGAIN ที่เป็นคำขวัญประจำตัวนายทรัมป์ เป็นการประกาศตัวชัดเจนว่า มีแนวคิดทางการเมืองอยู่ฝั่งไหน
เหตุรุนแรงทางการเมืองในสหรัฐชัดขึ้นตั้งแต่ต้นปี
เดือนเมษายนปีนี้ มีคนลอบวางเพลิงที่พักของนายจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนียพรรคเดโมแครตในขณะที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านกับครอบครัว เขาและครอบครัวปลอดภัย ขณะที่ครอบครัวคนร้ายอ้างว่า มีปัญหาทางจิต แต่เมื่อตรวจสอบประวัติแล้วพบว่า คนร้ายเคยแสดงความเกลียดชังอิสราเอล และนายชาปิโรเป็นคนยิว แม้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองในสหรัฐโดยตรง แต่ก็สะท้อนถึงความไม่พอใจต่อการดำเนินนโยบายทางการเมืองของสหรัฐ ตำรวจรัฐสภาสหรัฐรายงานในเดือนนั้นว่า มีคดีข่มขู่ที่อยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
ต่อมาในเดือนมิถุนายนคนร้ายปลอมตัวเป็นตำรวจทำร้ายสมาชิกรัฐสภาพรรคเดโมแครต 2 คน ที่บ้านพักในรัฐมินนิโซตา สังหาร สส.ท้องถิ่นของรัฐนี้และสามี ทำร้ายสมาชิกรัฐสภาและภรรยา โดยมีแผนจะสังหารนักการเมืองท้องถิ่นละผู้สนับสนุนสิทธิการทำแท้งอีกหลายคน นายโรเบิร์ต เปป นักรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโกเรียกขานสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐว่า เป็นยุคแห่งประชานิยมด้วยความรุนแรง (Era of Violent Populism) เขามองว่า ความรุนแรงทางการเมืองในสหรัฐที่กินเวลามาหลายปีมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยนายทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก และคนร้ายที่ก่อเหตุมีทั้งคนที่มีแนวคิดทางการเมืองฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย
“ทรัมป์” โทษ “ซ้ายตกขอบ” ลอบสังหารอินฟลูฯ การเมืองคนดัง
ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งรอดชีวิตอย่างเฉียดฉิวจากการถูกลอบสังหารขณะหาเสียงเลือกตั้งที่รัฐเพนซิเวเนียเมื่อปี 2567 กล่าวอ้างโดยที่ยังไม่มีหลักฐานว่า กลุ่มซ้ายตกขอบเป็นผู้ลอบสังหารนายเคิร์ก นักเคลื่อนไหวสายอนุรักษนิยมวัย 31 ปี ที่เป็นพันธมิตรของเขา ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นนักศึกษาวัย 22 ปี ใช้ปืนไรเฟิลยิงเข้าที่คอนายเคิร์กขณะไปพูดกลางแจ้งที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ วัลลีย์ สังหารเขาด้วยกระสุนนัดเดียว โดยบอกกับคนรักก่อนก่อเหตุว่า ไม่สามารถทนเกลียดชังนักเคลื่อนไหวรายนี้ได้อีกแล้ว
นายเคิร์กเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเทิร์นนิงพอยต์ยูเอสเอ (Turning Point USA) ในปี 2555 ขณะมีอายุเพียง 18 ปี เป็นองค์กรส่งเสริมแนวคิดการเมืองสายอนุรักษนิยมตามสถานศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมไปจนถึงมหาวิทยาลัย เขาช่วยเรียกคะแนนเสียงให้แก่นายทรัมป์และพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งปีที่ผ่านมา
“ขวาตกขอบ” ก่อเหตุบ่อยและรุนแรงกว่า “ซ้ายตกขอบ”
นายทรัมป์อ้างว่า กลุ่มซ้ายตกขอบก่อเหตุรุนแรงทางการเมืองในสหรัฐ ควรต้องถูกจับเข้าคุก และอ้างด้วยว่า กลุ่มซ้ายตกขอบก่อเรื่องใหญ่กว่ากลุ่มขวาเสียอีก แต่พีบีเอส (PBS) ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะของสหรัฐแย้งว่า ข้อมูลวิจัยเรื่องกระแสสุดโต่งที่พีบีเอสจัดทำขึ้นและการตรวจสอบงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถยืนยันได้อย่างมั่นใจว่า ผู้ก่อการร้ายในประเทศของสหรัฐส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีแนวคิดทางการเมืองฝ่ายขวา และการก่อการร้ายในประเทศที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นฝีมือของคนร้ายฝ่ายขวาเป็นส่วนใหญ่
พีบีเอสระบุว่า การวิเคราะห์ทั้งของรัฐบาลและหน่วยงานอิสระชี้ว่า ความรุนแรงจากกลุ่มขวาตกขอบเป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึงร้อยละ 75-80 ของผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายในประเทศของสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2544 ยังไม่นับรวมถึงเหตุชายต่อต้านรัฐบาลแบบสุดโต่ง 2 คนที่ใช้รถบรรทุกวางระเบิดที่ทำการรัฐในเมืองโอคลาโฮมาปี 2538 เป็นเหตุก่อการร้ายในประเทศที่คร่าชีวิตคนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐถึง 168 คน ส่วนการก่อเหตุของกลุ่มซ้ายตกขอบ รวมถึงกลุ่มอนาธิปไตยและกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมก่อเหตุราวร้อยละ 10-15 และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตไม่ถึงร้อยละ 5
“ขวาตกขอบ” ในสหรัฐขยายตัวมาหลายปีแล้ว
ศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (CSIS) ลงบทความในเว็บไซต์ตั้งข้อสังเกตตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2561 ว่า กระแสขวาตกขอบในสหรัฐกำลังขยายตัว คนร้ายกลุ่มนี้ก่อเหตุเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าในช่วงปี 2559-2560 มากกว่ายุโรปที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยกลุ่มขวาตกขอบที่น่ากังวล เป็นกลุ่มเชิดชูคนผิวขาว และกลุ่มต่อต้านรัฐบาลแบบสุดโต่ง
CSIS ชี้ว่า คำว่า “ขวาตกขอบ” และ “ซ้ายตกขอบ” ไม่ได้เกี่ยวโยงกับพรรคการเมืองโดยตรง เพราะโดยทั่วไปแล้วคำว่า การก่อการร้ายฝ่ายขวาหมายถึง การใช้ความรุนแรงโดยกลุ่มที่มีเป้าหมายเชิดชูความเป็นเลิศทางสีผิว เชื้อชาติ หรือศาสนา, ต่อต้านรัฐบาล, ต่อต้านการกระทำ เช่น การทำแท้ง ขณะที่การก่อการร้ายฝ่ายซ้ายหมายถึง การใช้ความรุนแรงโดยกลุ่มที่ต่อต้านทุนนิยม จักรวรรดินิยม หรือการล่าอาณานิคม, มุ่งมั่นในประเด็นสิ่งแวดล้อมหรือสิทธิสัตว์, สนับสนุนความเชื่อแบบคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยม, สนับสนุนระบบเศรษฐกิจการเมืองแบบกระจายศูนย์ เช่น อนาธิปไตย
CSIS เรียบเรียงสถิติเหตุก่อการร้ายของฝ่ายขวาตกขอบในสหรัฐว่า ช่วงปี 2550-2554 มีไม่ถึง 5 คดีต่อปี ช่วงปี 2555-2559 เกิดขึ้นเฉลี่ย 11-13 คดีต่อปี แต่ได้เพิ่มขึ้นพรวดพราดเป็น 31 คดีในปี 2560
Final Thoughts: การสังหารทางการเมืองและกระแสขวาตกขอบในสหรัฐกับ “ทรัมป์” สมัยที่ 2
เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุรุนแรงทางการเมืองและกระแสสุดโต่งทางการเมืองในสหรัฐเริ่มรุนแรงขึ้นพร้อมกับที่นายทรัมป์ชนะเลือกตั้งในปี 2559 ขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐสมัยแรกด้วยสโลแกน MAKE AMERICA GREAT AGAIN แม้ไม่มีผลการศึกษาชี้ชัดว่า รัฐบาลทรัมป์สมัยแรกมีส่วนทำให้สังคมอเมริกันแตกแยกทางการเมืองอย่างร้าวลึก แต่นโยบายต่าง ๆ ที่เขาลงมือทำทันทีที่เข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งกลับผู้ลอบเข้าเมืองครั้งใหญ่ การใช้อัตราภาษีศุลกากรแบบใหม่กับทั้งโลก และอีกหลายนโยบายที่สะท้อนถึงความเป็นชาตินิยมและอนุรักษนิยม ล่าสุดคือการสดุดีนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาที่ถูกลอบสังหารเยี่ยงวีรบุรุษของประเทศ อาจเปลี่ยนโฉมหน้าประชาธิปไตยแบบอเมริกันไปสู่คำนิยามแบบที่ไม่มีใครคาดถึง.-814.-สำนักข่าวไทย
แหล่งข้อมูล