บรัสเซลส์ 10 มิ.ย.- ผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปที่เสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ พรรคการเมืองที่สนับสนุนยุโรปเสียที่นั่งให้แก่พรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนยุโรป แม้ว่ายังสามารถครองเสียงข้างมาก แต่ก็ส่งผลสะเทือนถึงการเมืองของประเทศที่เป็นสมาชิกใหญ่ของสหภาพยุโรปหรืออียู และทิศทางของรัฐสภายุโรปในช่วง 5 ปีข้างหน้า
รัฐสภายุโรปทำหน้าที่ตัดสินใจร่วมกับคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นเวทีประชุมของผู้นำชาติสมาชิกอียู 27 ประเทศ มีประชากรรวมกัน 450 ล้านคน ผลการหยั่งเสียงหน้าคูหาเลือกตั้งหรือเอ็กซิตโพลชี้ว่า พรรคการเมืองสายกลางขวา สายกลางซ้าย สายเสรีนิยม และสายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือพรรคกรีนจะยังสามารถครองเสียงข้างมาก 460 ที่นั่งจากทั้งหมด 720 ที่นั่ง แต่ลดลงจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่ได้รวมกัน 488 ที่นั่งจากทั้งหมด 705 ที่นั่ง โดยเฉพาะพรรคกรีนที่จะลดลงจาก 71 ที่นั่งเหลือ 53 ที่นั่ง ขณะที่อีซีอาร์ (ECR) ซึ่งเป็นกลุ่มพรรคการเมืองชาตินิยมที่ไม่สนับสนุนยุโรปและพรรคการเมืองขวาจัดได้ที่นั่งรวมกัน 146 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 19 ที่นั่ง ส่วนสมาชิกสภาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้ 95 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 33 ที่นั่ง
ผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปส่งผลสะเทือนถึงการเมืองในประเทศของชาติสมาชิกใหญ่ของอียูอย่างฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงของฝรั่งเศสประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 30 มิถุนายนเป็นรอบแรก พรรคสังคมประชาธิปไตยหรือโซเชียล เดโมแครตส์ ของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนีพ่ายแพ้ยับเยินเป็นประวัติการณ์ โดยเสียที่นั่งในรัฐสภายุโรปให้แก่พรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคขวาจัด ขณะที่พรรคพี่น้องแห่งอิตาลีหรือบราเธอร์ส ออฟ อิตาลี สายชาตินิยมและประชานิยมของนายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี กวาดที่นั่งมากที่สุดของประเทศ
การที่รัฐสภายุโรปมีทิศทางไปทางฝ่ายขวาอาจทำให้มีปัญหาในการผลักดันร่างกฎหมายเรื่องความท้าทายด้านความมั่นคง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันด้านอุตสาหกรรมจากจีนและสหรัฐ.-814.-สำนักข่าวไทย