สธ.ร่วมส่งเสริมสุขภาพคนวัยทำงาน แบบ New Normal

สธ. 23 ก.ค.-สธ.ร่วมภาคีเครือข่าย ร่วมสร้างสุขภาพคนทำงานฐานวิถีชีวิตใหม่:New Normalให้ปลอดจากโรคโควิด-19 และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สร้างสถานประกอบการต้นแบบ จัดประกวดคลิปวิดีโอฐานวิถีชีวิตใหม่ในสถานประกอบการ ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม กรณีโควิด-19 



วันนี้ (23 ก.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา กรรมการที่ปรึกษาหอการค้าไทย และนางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานคณะอนุกรรมการป้องกันการระบาดโควิด 19 ร่วมแถลงข่าว โครงการสุขภาวะของคนทำงานด้วย Healthy Living และการประกวดคลิปวิดีโอฐานวิถีชีวิตใหม่ ในสถานประกอบการภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม กรณีโควิด-19 


นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปัจจุบันไทยมีประชากรวัยทำงาน 37.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานในระบบ 17.1 ล้านคน ซึ่งพบว่าในกลุ่มนี้มีปัญหาสุขภาพจากการทำงาน เช่น ออฟฟิศซินโดรม ภาวะเครียด และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการเป็นระยะ รวมทั้งสถานประกอบการต่าง ๆ กลับมาเปิดกิจการ ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal เพื่อให้มีความปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการการทำงานร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดทำโครงการสุขภาวะของคนทำงานด้วย Healthy Living ขับเคลื่อนการให้ความรู้ด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างองค์กรน่าอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน 


นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ในระยะแรกได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมหอการค้าไทย จัดโครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์สถานประกอบการฐานวิถีชีวิตใหม่ และจัดการประกวดคลิปวิดีโอฐานวิถีชีวิตใหม่ในสถานประกอบการภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม กรณีโควิด 19 เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบการไทย เกิดความตระหนักถึงการดูแลแรงงานให้มีสุขภาพดี และป้องกันโรคให้กับแรงงาน เป็นสถานประกอบการต้นแบบ “สถานประกอบการต้านโควิด 19 ในฐานวิถีชีวิตใหม่ : New Normal” 

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปในวงกว้างทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ เกิดความตื่นตระหนกในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ควบคู่กับการฟื้นฟูประเทศในมิติต่าง ๆ โดยร่วมมือกันทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งจากข้อมูลการคัดกรองโรคโควิด-19 ของสำนักงานประกันสังคมพบว่า มีแรงงานในระบบป่วยด้วยโรคโควิด-19 จำนวนหนึ่ง กรมควบคุมโรค ได้เสนอมาตรการ แนวทางควบคุมป้องกันโรคสำหรับสถานประกอบการ เพื่อพัฒนาเป็นข้อกำหนด ของ ศบค. สำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ 

นอกจากนี้ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง กำหนดนโยบาย มาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านสุขภาพให้กับแรงงานไทย เพื่อให้สถานประกอบการเกิดความตระหนักถึงการดูแลสุขภาพแรงงาน ให้มีสุขภาพดี ปลอดภัย สามารถปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 ได้อย่างถูกต้อง โดยสถานประกอบการจะต้องดำเนินการ 3 ระดับ คือเจ้าของกิจการ กำหนดนโยบาย มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ถ่ายทอดไปทุกส่วนในองค์กร ต่อยอดจากงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานประกอบการ, ฝ่ายบริหาร/ ฝ่ายบุคคล/ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย ประเมินการติดเชื้อ ความเสี่ยงต่อสุขภาพ และระดับคนทำงาน ทำตามมาตรการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ซึ่งกรมควบคุมโรค ได้จัดทำคู่มือประเมินความเสี่ยงในสถานการณ์โควิด สำหรับสถานประกอบการทุกขนาด เพื่อให้สามารถนาไปใช้ในการดูแลสุขภาพคนทำงานได้อย่างเหมาะสม 

ด้านนางศิรินา ปวโรฬารวิทยา กรรมการที่ปรึกษาหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ร่วมขับเคลื่อนสนับสนุนมาตรการหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 และมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ข้อปฏิบัติพื้นฐานของสถานประกอบการที่ภาครัฐได้กำหนด พร้อมทั้งประสานเครือข่ายและสมาคมต่างๆ สร้างการมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการและแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงของสถานประกอบการอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งได้จัดทำคู่มือสำหรับสถานประกอบการ 

ซึ่งมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติพื้นฐานเพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการได้อย่างปลอดภัย ขอเชิญชวนสถานประกอบการ ได้เสนอโมเดล รูปแบบ วิธีการ การป้องกันโรคระบาดโควิด-19ให้กับพนักงาน และผู้มาใช้บริการ ในรูปแบบของคลิปวีดีโอ เพื่อส่งประกวด และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสถานประกอบการอื่น ๆ ได้นำไปประยุกต์ใช้ โครงการฯนี้ จะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคระบาดโควิด 19 ได้เป็นอย่างดี สร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจและสร้างโอกาสทางธุรกิจของประเทศไทยในยุค New Normal 

ด้านนางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานคณะอนุกรรมการป้องกันการระบาดโควิด-19 กล่าวว่า ในส่วนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้กำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุข และผลกระทบด้านเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาว กำหนดแนวทางการเยียวยาเพื่อช่วยเหลือแก่สมาชิกภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ และแนวทางปฏิบัติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดภายในสถานประกอบการ จัดทำแนวทางการจัดการหลังเกิดการระบาด โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับการจัดประกวดคลิปวิดีโอฐานวิถีชีวิตใหม่ในสถานประกอบการฯ นี้ สภาอุตสาหกรรมฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์โดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงประชาชนคนไทยทุกคน และส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ ออกแบบนวัตกรรม หรือวิถีการดูแลตนเองในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม และนำพาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย ให้กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ การประกวดคลิปฯแบ่งตามสถานประกอบการ 3 ขนาดคือขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็กและจะได้รับเงินรางวัลพร้อมโล่รางวัลประเภทละ 5 รางวัล สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครและส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ที่  www.newnormalcontest.com หรือทาง QR Code ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 21 สิงหาคม 2563 ประกาศผลการตัดสินในวันที่ 28 สิงหาคม 2563.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]