ศาลปกครองสูงสุดยืนไม่รับพิจารณาคดีค่าโง่โฮปเวลล์ใหม่

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. -ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นไม่รับพิจารณาคดีค่าโง่โฮปเวลล์ใหม่ ทั้งประเด็นศาลพิจารณาข้อเท็จจริงผิดพลาด คดีมีพยานหลักฐานใหม่ รวมทั้งประเด็นคุณสมบัติโฮปเวลล์มีผู้ถือหุ้นต่างชาติขัดกฎหมายไทย โดยศาลวินิจฉัยหน่วยงานรัฐจะต้องทราบก่อนลงนามสัญญาตั้งแต่ต้น


เมื่อเวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดนัดพร้อมทั้งผู้ร้องคดีค่าโง่โฮปเวลล์ ซึ่งมีกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้ร้องและมีบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) เป็นผู้ยื่นคัดค้าน โดยวันนี้ศาลได้นัดฟังคำสั่งตามที่ผู้ร้องได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นที่เคยมีคำสั่งไม่รับพิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา

วันนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคดีไว้พิจารณาใหม่เช่นเดียวกัน โดยศาลได้บรรยายประเด็นที่ผู้ยื่นคำร้องได้ยื่นต่อศาลขอให้ศาลปกครองชั้นต้นรับพิจารณาคดีใหม่ ทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกรณีศาลเคยวินิจฉัยคดีไปก่อนหน้านี้ มีประเด็นที่พิจารณาข้อเท็จจริงผิดพลาดเรื่องมีพยานหลักฐานและประเด็นใหม่ในคดี รวมถึงกรณีที่มีการยื่นข้อมูลว่าบริษัท โฮปเวลล์ฯ มีคุณสมบัติคัดกฎหมายไทยในการเข้าประมูลงาน เนื่องจากตามข้อมูลที่ยื่นกับนายทะเบียน (กรมธุรกิจการค้า) ทำให้โฮปเวลล์มีสถานะเป็นต่างชาติที่เข้าประมูลงาน  ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวศาลพิจารณาเห็นว่าคุณสมบัติโฮปเวลล์จะขัดกฎหมายไทยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐขณะนั้นจะต้องพิจารณาและทราบก่อนลงนามในสัญญา รวมถึงคณะรัฐมนตรีขณะนั้นก็ต้องทราบข้อมูล เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่เป็นผู้ลงนามนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี รวมทั้งยังมีหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานกฤษฎีกา สำนักงานอัยการที่ต้องตรวจร่างสัญญา ดังนั้น หากบริษัท โฮปเวลล์ฯ มีคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายทุกหน่วยงานต้องทราบก่อนลงนามสัญญา ดังนั้น จากข้อมูลทั้งหมดจึงเป็นเหตุให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยวันนี้ต้องติดตามประเด็นมูลค่าความเสียหายในคดีค่าโง่โฮปเวลล์ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 22 เมษายน 2562 ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยให้ รฟท.จ่ายเงินชดเชยค่าเสี่ยหายให้แก่โฮปเวลล์มูลค่ากว่า 11,800 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ภายใน 180 วัน หลังจากประมวลมูลค่าความเสียหายประมาณ 25,000 ล้านบาท หลังจากนั้นกระทรวงคมนาคมได้มีการตั้งคณะทำงานเจรจากับโฮปเวลล์ก่อนจะตัดสินใจต่อสู้คดีใหม่ โดยการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองชั้นต้นอีกครั้ง เมื่อต่อสู้คดีก็จะส่งผลให้ตัวเลขความเสียหายเฉพาะดอกเบี้ยคดียังเดินต่อ หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนศาลปกคอรงชั้นต้นไม่รับพิจารณาคีดใหม่ ต้องพิจารณาความเสียหายที่ต้องชดเชยเป็นตัวเลขเท่าใด และต้องกลับเข้าสู่การเจรจาระหว่าง รฟท.กับโฮปเวลล์หรือไม่ หรือมีแนวทางต่อสู้ใด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ