ศบค.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน

ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.ค.-ที่ประชุม ศบค.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน ยืนยันเพื่อควบคุมโรค ไม่ได้ห้ามชุมนุม พร้อมอนุญาตต่างชาติบางกลุ่ม -แรงงานต่างด้าวเข้าไทยได้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ให้เกิดสมดุลด้านสาธารณสุข


นพ.ทวีศิลป์  วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธานประชุม ว่า สถานการณ์โควิด-19 วันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเป็น 3,261 ราย หายป่วยแล้ว 3,105 ราย รักษาตัวอยู่ 98 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 58 รายเช่นเดิม โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากอียิปต์ 4 ราย ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย กลับถึงไทยวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 21 กรกฎาคม

โฆษกศบค. กล่าวว่า 1 รายมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางถึงไทย 10 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่กรุงเทพมหานคร ตรวจพบเชื้อ 20 กรกฎาคม แต่ไม่มีอาการ และอีก 1 รายมาจากเยอรมัน เป็นหญิงไทยอายุ 57 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางถึงไทย 16 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่กรุงเทพมหานคร  ตรวจพบเชื้อวันที่ 20 กรกฎาคม ไม่มีอาการ


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อ 15,093,712 ราย เสียชีวิต 619,467 ราย โดยสหรัฐฯ ติดเชื้อมากเป็นอันดับหนึ่ง  4,028,569 ราย เสียชีวิต 1,997,033 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 103 

“ที่ประชุมศบค.เห็นชอบให้ต่ออายุพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานฉุกเฉิน ที่จะหมดอายุวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ทั่วโลกยังคงระบาดอย่างรุนแรง อีกทั้งมีคนไทยจากต่างประเทศและชาวต่างชาติที่ได้รับการผ่อนผันเดินทางเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง และจะอนุญาตชาวต่างชาติเข้ามาในไทยเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องมีอำนาจตามกฎหมายเชิงป้องกันการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ อาทิ ควบคุมการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง การจัดทำระบบติดตามตัว การกักตัว การเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย และมาตรการควบคุมโรคที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งจำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการในลักษณะรวมศูนย์ที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพและบูรณาการตำรวจ ทหาร พลเรือนได้ ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมความพร้อมช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่วิถีชีวิตใหม่ จนกว่าจะมีกฎหมายฉบับอื่นมารองรับในอนาคต” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.เห็นชอบหลักการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติคือ ลาว เมียนมา กัมพูชาเดินทางเข้าไทย เนื่องจากขณะนี้มีความต้องการใช้แรงงานจำนวนมากในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมอาหาร  โดยมีกลุ่มที่มีใบอนุญาตการทำงานและวีซ่าต้องการกลับเข้ามาทำงาน จำนวน 69,235 คน และกลุ่มแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานและไม่มีวีซ่า แต่ต้องการเข้ามาจำนวน 42,168 คน รวมทั้งหมดกว่า 1 แสนคน ซึ่งได้หารือกันว่าจะกักกันตัวในสถานที่ที่หน่วยงานหรือองค์กรจัดพื้นที่ขึ้นหรือ Organizational Quarantine เพื่อควบคุมป้องกันโรคและลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ โดยให้กระทรวงแรงงานรับไปดำเนินการต่อไป 


“ศบค.อนุมัติหลักการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาจัดแสดงสินค้าในไทย ซึ่งมีกลุ่มชาวต่างชาติต้องการเข้ามาจำนวนมาก และจะเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยต้องมีแนวทางควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด อาทิ ตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง  มีกำหนดการอยู่ในไทยอย่างชัดเจน ทำประกันสุขภาพ และการร่วมงานแสดงสินค้าต้องจัดพื้นที่การเจรจาของชาวต่างชาติออกจากพื้นที่เจรจาชาวไทย นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย โดยต้องมีข้อปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาด อาทิ มีใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพและต้องมีเจ้าหน้าที่ติดตามคณะตลอดเวลา”  โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มต่างชาติ Medical and wellness program plus ที่เข้ามารับการรักษาในไทยและพักอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว 14 วัน สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อในประเทศไทยได้ ส่วนผู้ที่ถือบัตรสมาชิกพิเศษประเทศไทย หรือ ไทยแลนด์ อีลิท การ์ดที่มีทั้งหมดกว่า 10,000 ราย จะนำร่องให้เข้าไทย 200 ราย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม มาตรการผ่อนคลายต่าง ๆที่ ศบค.อนุมัติหลักการในวันนี้(22 ก.ค.) จะเริ่มบังคับใช้ได้ภายหลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแนวทางข้อปฏิบัติต่าง ๆ เสร็จ แล้ว

“นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. ให้กำลังใจประชาชนและบุคคลากรทางการแพทย์ให้อดทน อย่าท้อถอย โดยให้ยึดหลักการคือการจัดสมดุลให้ได้ระหว่างด้านสาธารณสุขกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งต้องติดตามการดำเนินการตามสถานการณ์ความเป็นจริงและสื่อสารกับประชาชน”  โฆษกศบค. กล่าว

ด้านพล.อ. สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 กล่าวว่า จากการหารือฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าต้องการมีกฎหมายพิเศษใช้ควบคุมโรคอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์โลกยังมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 2 แสนคน 

เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ขณะนี้ไทยเริ่มเปิดประเทศมากขึ้น อาทิ การรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานและอนุญาตให้ต่างชาติ เข้ามาจัดประชุมและถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขด้วย โดยเฉพาะการต้องกักตัว 14 วัน ที่ต้องใช้กฎหมายพิเศษมาดูแล และเพื่อให้เกิดความสบายใจการต่ออายุออกปีอีก  1 เดือน จะไม่บังคับใช้ข้อกำหนดตามมาตรา 9 ทั้ง 6 ข้อ 

“ศบค.ไม่ได้ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อห้ามการชุมนุม แต่แสดงเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อใช้ควบคุมโรคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้ชุมนุมได้โดยอิสระ การชุมนุมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันอังคารหน้า(28 ก.ค.) ส่วนผู้ที่เคยถูกดำเนินคดีตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำอยากให้ทำความเข้าใจว่าเหตุผลที่ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อความจำเป็นในการควบคุมโรคเท่านั้น” พล.อ. สมศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย