ซิตี้แบงก์ปรับลดจีดีพีไทยปีนี้ติดลบมากขึ้น 6.8%

กรุงเทพฯ  21 ก.ค. –  ซิตี้แบงก์ประเทศไทยปรับลดตัวเลขจีดีพีไทยทั้งปีเป็นติดลบมากขึ้น 6.8% และจะกลับมาบวก 3.5% ได้ในปีหน้า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ พร้อมมองทิศทางตลาดหุ้นครึ่งปีหลังยังผันผวนแต่น้อยลง แนะนักลงทุนให้น้ำหนักในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชีย พร้อมกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด


นายบุญนิเศรษฐ์ ธัญวรอนันต์ ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ให้มุมมองตลาดหุ้นทั่วโลกครึ่งปีหลังยังมีความผันผวนจากความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่จะน้อยลงจากข่าวการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐยังเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตาใกล้ชิด โดยซิตี้แบงก์คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้จะติดลบ 3.5% และกลับมาเป็นบวก 5.5% ในปี 2564  พร้อมกันนี้ได้ปรับลดตัวเลขจีดีพีของไทยปีนี้ลง จากเดิมคาดว่าจะติดลบ 3.5% เป็นติดลบ 6.8% และจะกลับมาบวก 3.5% ในปีหน้า โดยมองว่านโยบายอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภาคการบริโภคจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ 

ขณะที่จีดีพีของสหรัฐ คาดว่า -3.3% แต่เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวจากตัวเลขอัตราการว่างงานที่ลดลง และตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มขึ้น ส่วนตัวเลขจีดีพีของยุโรปคาดว่า – 6.7% ขณะที่เอเชียคาดว่าจะขยายตัว 0.5% โดยเฉพาะจีนอาจโตแตะ 2.4% เนื่องจากความต้องการภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ และแม้เป็นประเทศแรกที่เผชิญหน้ากับไวรัส แต่เริ่มเห็นการกลับมาทำกิจกรรมในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ


ด้านราคาน้ำมันปีนี้คาดอยู่ที่ระดับ 40 – 45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนราคาทองคำยังมีทิศทางเป็นขาขึ้นเนื่องจากยังเป็นที่ต้องการของตลาด  โดยมองกรอบช่วงที่เหลือของปี 1,600 – 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีแนวโน้มขึ้นไปที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า ขณะที่ค่าเงินยังมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงระยะกลางถึงระยะยาวจากการขยายงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อตอบสนองสภาพคล่องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมมองกรอบเงินบาทไทยอยู่ระหว่าง 31 – 31.3 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% จนถึงต้นปี 2564

ทั้งนี้ ซิตี้แบงก์ให้มุมมองบวกต่อหุ้นวัฎจักรที่คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมแนะนักลงทุนให้น้ำหนักกลุ่มตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สุขภาพและเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น รวมถึงพันธบัตรสหรัฐ สกุลเงินเยน และการลงทุนในทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน พร้อมแนะให้เฝ้าติดตามประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ในระยะยาวลดความเสี่ยงจากการลงทุนท่ามกลางสภาวะผันผวน .- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

มือเผาพ่อค้าแตงโม สารภาพทำคนเดียว อ้างแค้นปมชู้สาว

“เพลิน พรมด้วง” มือราดน้ำมันจุดไฟเผาพ่อค้าแตงโม รับสารภาพทำคนเดียว อ้างแค้นอีกฝ่ายเป็นชู้กับภรรยา และยังเอารถกระบะที่ใช้ทำกินไปขายแตงโมเย้ยต่อหน้าต่อตา