อธิบดี พช.เร่งเพิ่มทักษะบุคลากรท้องถิ่นขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19

นครนายก 17 ก.ค.- อธิบดี พช. ลงพื้นที่นครนายกติวเข้มบุคลากร ขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบโควิด-19 เน้นย้ำ “พัฒนาคือสร้างสรรค์” ต้องร่วมมือร่วมใจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมการขับเคลื่อนโครงการภายใต้แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 19 ก.ค. 2563 ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก โดยมีผู้บริหารและพัฒนาชุมชน จากทั่วประเทศเข้าร่วมจำนวน 120 คน โดยมีภาคีเครือข่ายที่ร่วมขับเคลื่อนได้แก่ รศ. วรวรรณ โรจนไพบูลย์  ผศ.พิเชษฐ์  โสวิทยสกุล จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) คุณสัณห์จุฑา จิราธิวัฒน์ ประธานมูลนิธิรักษ์ดินรักษ์น้ำ หรือ Earth Save เข้าร่วมประชุมพูดคุย


นายสุทธิพงษ์ กล่าวระหว่างการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมไทยด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง” ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตรวมทั้งการเกิดวิกฤติโควิด-19 เราจำเป็นต้องช่วยกันฟื้นฟูประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การเมือง สิ่งแวดล้อมและด้านอื่นๆ ทั้งหลายทั้งปวงซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมการพัฒนาชุมชนของเราที่ก่อตั้งมา 58 ปี มีภารกิจหน้าที่ของกรมฯ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีทั้งบุคลากรของกรมทุกคน รวมทั้งภาคีเครือข่าย ผู้นำ อช. สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการ กระทรวง กรมต่างๆ ว่า ต้องมีภารกิจเหมือนชื่อกรม นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2505 จนถึงปัจจุบันนี้เป้าหมายกรมการพัฒนาชุมชนไม่เคยเปลี่ยน เรามีเป้าหมายที่แน่วแน่ในการสนับสนุนส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้มีศักยภาพและมีความสามารถในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวให้ดีและมีความสุข 


ทั้งนี้ ในปี 2508 เมื่อครั้งเสด็จฯ จ.สกลนคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับกรมการพัฒนาชุมชน สรุปใจความสำคัญได้ว่า พระองค์ท่านรู้ว่าพวกเราเหนื่อยยากลำบากเพราะต้องการช่วยให้ชาวบ้านสามารถทำมาหากินได้อย่างปกติสุข เลี้ยงครอบครัวได้ดี มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งยังเน้นย้ำเรื่องการตลาดที่ต้องทำให้พี่น้องประชาชนทำมาหากินได้ สามารถแจกจ่ายกระจายสินค้าของตัวเองได้ และที่ยิ่งใหญ่สำคัญที่สุด คือ งานที่กรมการพัฒนาชุมชนทำ เป็นงานที่ทำให้ชาติมั่นคง ซึ่งหมายความว่าพระองค์ท่านฝากความหวังไว้ที่เรา และยังได้พระราชทานคำขวัญ “พัฒนาคือสร้างสรรค์” ดังนั้นเมื่อพวกเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เราต้องทำหน้าที่ของเรา ทำให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนของเรามีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความทุกข์น้อยลง และต้องช่วยกันทำใจตัวเองและหาคำตอบให้ตัวเองว่าเรามาเป็นข้าราชการเพราะเราอยากทำสิ่งที่ดีให้กับประเทศชาติของเราซึ่งหมายถึงพี่น้องประชาชนทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงท่องจำ แต่ต้องลงมือทำด้วยแนวทางประชารัฐซึ่งประกอบด้วย 7 ภาคี ได้แก่ ข้าราชการ นักวิชาการ ประชาชน เอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และศาสนา คือทุกภาคส่วนเกี่ยวข้องกันทั้งหมด ต้องช่วยกันเพราะหากทำเพียงลำพังกำลังย่อมมีน้อย 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกำหนดความหมายของงานมหาดไทยให้มีหน้าที่อย่างชัดเจนว่า “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เนื้องานทั้งหมดในการทำภารกิจบำบัดทุกข์บำรุงสุขอยู่ที่เรา เราเป็นศูนย์กลางมีคลังข้อมูลของศักยภาพในการพัฒนา มีฐานข้อมูล จปฐ. มีข้อมูลของ OTOP, OTOP นวัตวิถี เรื่องของกองทุน เรื่องของลูกหนี้ ทั้งหมดอยู่ในมือเราหมด ต้องถามตัวเองให้ชัดว่าเรามาทำงานรับราชการอยู่ที่กรมการพัฒนาชุมชนเพื่ออะไร ต้องทำงานให้เกิดความภาคภูมิใจ เพราะเราเป็นคนกลางที่จะทำให้คนมีความสุข มีความเจริญ มีการพัฒนา และมีคุณภาพชีวิตที่ดี และที่สำคัญเราเป็นตัวแทนของกระทรวงมหาดไทยในการปฏิบัติภารกิจบำบัดทุกข์บำรุงสุข ภารกิจเหล่านี้จะไม่สำเร็จถ้าเราไม่สร้างและเริ่มที่จิตใจของเรา หากให้สรุปงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขแล้วเป็นเรื่องใหญ่มากเป็นจักรวาลของชีวิตข้าราชการ ขณะเดียวกันการบำบัดทุกข์บำรุงสุขก็เป็นเนื้องานหลักของกรมการพัฒนาชุมชนทั้งสิ้น

“ในวันนี้เราอยากให้พวกเราเข้าใจในเนื้องาน เข้าใจรายละเอียด เข้าใจโครงการ เรายังไม่ต้องเก่งเรื่องขุดดินปลูกพืชปลูกผัก เพราะเราจะต้องไปอำนวยการต้องไปเป็นแม่ทัพ มีหน้าที่ทั้งถ่ายทอดให้แก่พัฒนาการอำเภอ พัฒนากร ผู้นำพื้นที่ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดไปจนถึงนายก อบต. ชาวบ้าน ต้องคอยไปช่วยอำนวยการทำให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อให้คนในสังคมเขารู้และเข้าใจเป็นไปในแนวทางเดียวกับเรา ต้องกำกับดูแลโครงการให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ และให้พี่น้องประชาชนชาวบ้านได้ประโยชน์เต็มที่ และกรมการพัฒนาชุมชนยังเป็นกรมเดียวที่มีศูนย์อำนวยการด้านการศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์พระราชากว่า 4,400 โครงการ ดังนั้นจึงขอฝากทุกคนโดยเฉพาะโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ภายใต้โครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ได้ตั้งใจเดินทางมา และตั้งใจที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน ขอให้พวกเราช่วยกันขับเคลื่อนงานนี้ เพื่ออนาคตของกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อความสุขความมั่นคงของพี่น้องประชาชน และของประเทศไทย” อธิบดี พช. กล่าวย้ำ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย