“นพ.เรวัต” ตั้งกระทู้ถามสด เหตุรัฐปล่อยทหารอียิปต์ติดโควิด-19 เข้าประเทศ

รัฐสภา 15 ก.ค.”นพ.เรวัต” ตั้งกระทู้ถามสด เหตุรัฐปล่อยทหารอียิปต์ติดโควิด-19 เข้าประเทศ เสี่ยงติดเชื้อรอบใหม่ อ้างมีคนไทยติดเชื้อรายแรกเพิ่มแล้วที่ระยอง ชี้รัฐ 2 มาตรฐาน จี้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ด้าน “สาธิต”  แจงแทนนายกฯ ขอโทษแล้ว พร้อมปรับปรุงการทำงาน ชี้ทหารอียิปต์ละเมิดข้อตกลงออกนอกพื้นที่ เร่งลงพื้นที่ตรวจกลุ่มเสี่ยง


นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ตั้งกระทู้ถามสดกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 เข้าประเทศไทยโดยไม่มีการกักตัว ทั้งที่ไม่มีภารกิจใด ๆ ไม่ได้รับเชิญจากรัฐบาล เพียงแต่แวะระหว่างไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปากีสถาน และจีน โดยเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ซึ่งไม่ใช่โรงแรมที่เป็นสถานกักตัวของรัฐ หรือ State Quarantine และยังไปห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีโอกาสแพร่ระบาดโรคระลอกใหม่ได้ จนประชาชนเกิดความโกรธว่าทำไมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค.ประกาศว่าการ์ดต้องไม่ตก แต่ทหารอียิปต์กลับหลุดเข้าประเทศ ทั้งที่ประชาชนยอมปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ จนเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ จีดีพีลดลงกว่าร้อยละ 7 หนี้สาธารณะมีโอกาสสูงถึง 7 ล้านล้านบาท หากเกิดการระบาดอีก ทุกอย่างล้มละลายแน่นอน

นพ.เรวัต กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเด็กหญิงคณะทูตประเทศซูดาน ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ แต่ให้กักตัวเองในคอนโด ทั้งที่คนไทยต้องกักตัวก่อนเข้าประเทศ 14 วัน ซึ่งเกิดคำถามว่ารัฐได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมการกักตัวได้หรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 กรณี ชี้ว่ารัฐและ ศบค.มีความสะเพร่าประมาท ปฏิบัติต่อ VIP ต่างชาติกับคนไทยเหมือนเป็นพลเมืองชั้น 2 เช่นกรณีลูกสาวนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติ แต่ทหารอียิปต์กับลูกทูตซูดานกลับต่างกัน


นพ.เรวัต กล่าวว่า ความผิดพลาดและไม่จริงใจของรัฐและ ศบค. ทำให้ประชาชนโกรธแค้น ยากที่จะทำใจ จึงมีคำถามว่าทำไม ศบค. ถึงการ์ดตกเสียเอง ปล่อยให้ผู้ติดเชื้อที่มีอภิสิทธิ์เข้ามา อาจทำให้เกิดการติดเชื้ออีกครั้ง และในที่สุดแล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่ได้สกัดการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เพราะ VIP ต่างชาติหลุดรอดเข้ามา พร้อมระบุว่า มีคนไทยติดเชื้อโควิด 1 คนแล้วที่จังหวัดระยอง

“รัฐบาลและ ศบค.จะทบทวนหรือยกเลิกข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ออกโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ถือเป็นอันตรายต่อคนไทยหรือไม่ ขณะนี้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้น 2 ในประเทศของตัวเอง คับแค้นใจที่ได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คำถามคือ นายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศ และผู้อำนวยการ ศบค.จะแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดล้มเหลวนี้อย่างไร ต้องไม่เพียงแต่กล่าวคำว่าขอโทษ ท่านสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีเหมือนผู้นำในอารยประเทศทั้งหลายที่เมื่อบริหารงานผิดพลาด เกิดความเสียหายร้ายแรง เขาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ท่านจะลาออกหรือไม่” นพ.เรวัต กล่าว

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ตอบกระทู้ถามสด ชี้แจงว่า ความคืบหน้าหลังจากลงพื้นที่จังหวัดระยอง เมื่อวานนี้  (14 ก.ค.) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีช่วงเวลาสำคัญ โดยกลุ่มทหารอียิปต์เข้าพักโรงแรมดีวารี จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และเช้าวันที่ 9 กรกฎาคมเดินทางไปประเทศจีนและกลับมาเวลา 02.00 น. และวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 11.30 น. ออกจากโรงแรมไป 2 กลุ่ม โดยกลุ่ม 4 คน ไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ส่วนอีกกลุ่ม 27 คนไปห้างแหลมทอง โดยมีผู้ติดเชื้อ 1 คน แต่พบว่าใส่หน้ากากตลอดเวลา ไม่มีการรับประทานอาหาร หรือซื้อของ และกลับโรงแรมเวลาประมาณ 14.00-15.00 น. ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อย โดยกรมควบคุมโรคนำรถพระราชทานตรวจเชิงรุก มี 9 รายที่ความเสี่ยงสูง โดยคนขับรถส่งทหารอียิปต์ผลออกแล้วว่าไม่ติดเชื้อ และกลุ่มอื่น ๆ  มีการตรวจแล้ว จำนวนกว่าพันคน โดยจะแจ้งผลต่อไป ยืนยันว่าการสอบสวนโรคโปร่งใส ไม่มีการปกปิด ไม่มีการบิดเบือนข้อมูล  ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงและกล่าวคำขอโทษเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว


“กลุ่มทหารอียิปต์เป็นกลุ่มที่เรียกว่าผู้ควบคุมอากาศยานและเจ้าหน้าที่อากาศยาน หรือนักบินกับลูกเรือ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องตรวจ และสามารถเข้าพักในพื้นที่ที่จัดให้ เช่น สุวรรณภูมิจัดโรงแรมโนโวเทลให้พัก แต่กรณีลงสนามบินอู่ตะเภา มีการจ้างเอเจนซี่จากสถานทูตฯ พาไปโรงแรมที่เข้าพัก จึงเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริงที่ปรากฎ แต่จะต้องมีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับการประสานงานหน้างานว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ไม่มีพลเมืองชั้น 2 แต่ก็เข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีประกาศที่จะยกเลิกบางกลุ่มอภิสิทธิ์ ยกเลิกเที่ยวบินจากประเทศดังกล่าว อยากให้มองวิกฤติเป็นโอกาสว่าจะต้องบริหารสถานการณ์โควิด-19 และฟื้นเศรษฐกิจให้ได้ แม้หน้างานมีความอ่อนล้าไปบ้าง แต่ย้ำว่าต้องมีระบบที่ควบคุมโควิด-19 ให้ได้ เพราะไม่มีทางที่ตัวเลขจะเป็นศูนย์ตลอด หากยังไม่มีวัคซีน” นายสาธิต กล่าว

ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายสาธิต กล่าวว่า ไม่สามารถตอบแทนนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีก็เป็นปัญหาเฉพาะตัว แต่ชี้แจงว่ากรณีทหารอียิปต์ ถือเป็นข้อยกเว้นตามประกาศกำหนดข้อ 5  กลุ่มผู้ควบคุมและเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ ไม่ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ แต่ให้อยู่ในพื้นที่ตามข้อกำหนด แต่ปัญหาคือทหารกลุ่มนี้ละเมิดข้อกำหนด ซึ่งตามคลิปที่ออกมา ทหารอียิปต์ก็ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แต่สุดท้ายประสานไปสถานทูตอียิปต์จึงยอมตรวจ และจึงทราบวันที่ 10 กรกฎาคม มีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสถานทูตอียิปต์ก็แสดงความเสียใจ ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็จะไปปรับปรุงแก้ไข.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]