“นพ.เรวัต” ตั้งกระทู้ถามสด เหตุรัฐปล่อยทหารอียิปต์ติดโควิด-19 เข้าประเทศ

รัฐสภา 15 ก.ค.”นพ.เรวัต” ตั้งกระทู้ถามสด เหตุรัฐปล่อยทหารอียิปต์ติดโควิด-19 เข้าประเทศ เสี่ยงติดเชื้อรอบใหม่ อ้างมีคนไทยติดเชื้อรายแรกเพิ่มแล้วที่ระยอง ชี้รัฐ 2 มาตรฐาน จี้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ด้าน “สาธิต”  แจงแทนนายกฯ ขอโทษแล้ว พร้อมปรับปรุงการทำงาน ชี้ทหารอียิปต์ละเมิดข้อตกลงออกนอกพื้นที่ เร่งลงพื้นที่ตรวจกลุ่มเสี่ยง


นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ตั้งกระทู้ถามสดกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 เข้าประเทศไทยโดยไม่มีการกักตัว ทั้งที่ไม่มีภารกิจใด ๆ ไม่ได้รับเชิญจากรัฐบาล เพียงแต่แวะระหว่างไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปากีสถาน และจีน โดยเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ซึ่งไม่ใช่โรงแรมที่เป็นสถานกักตัวของรัฐ หรือ State Quarantine และยังไปห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีโอกาสแพร่ระบาดโรคระลอกใหม่ได้ จนประชาชนเกิดความโกรธว่าทำไมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค.ประกาศว่าการ์ดต้องไม่ตก แต่ทหารอียิปต์กลับหลุดเข้าประเทศ ทั้งที่ประชาชนยอมปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ จนเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ จีดีพีลดลงกว่าร้อยละ 7 หนี้สาธารณะมีโอกาสสูงถึง 7 ล้านล้านบาท หากเกิดการระบาดอีก ทุกอย่างล้มละลายแน่นอน

นพ.เรวัต กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเด็กหญิงคณะทูตประเทศซูดาน ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ แต่ให้กักตัวเองในคอนโด ทั้งที่คนไทยต้องกักตัวก่อนเข้าประเทศ 14 วัน ซึ่งเกิดคำถามว่ารัฐได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมการกักตัวได้หรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 กรณี ชี้ว่ารัฐและ ศบค.มีความสะเพร่าประมาท ปฏิบัติต่อ VIP ต่างชาติกับคนไทยเหมือนเป็นพลเมืองชั้น 2 เช่นกรณีลูกสาวนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติ แต่ทหารอียิปต์กับลูกทูตซูดานกลับต่างกัน


นพ.เรวัต กล่าวว่า ความผิดพลาดและไม่จริงใจของรัฐและ ศบค. ทำให้ประชาชนโกรธแค้น ยากที่จะทำใจ จึงมีคำถามว่าทำไม ศบค. ถึงการ์ดตกเสียเอง ปล่อยให้ผู้ติดเชื้อที่มีอภิสิทธิ์เข้ามา อาจทำให้เกิดการติดเชื้ออีกครั้ง และในที่สุดแล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่ได้สกัดการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เพราะ VIP ต่างชาติหลุดรอดเข้ามา พร้อมระบุว่า มีคนไทยติดเชื้อโควิด 1 คนแล้วที่จังหวัดระยอง

“รัฐบาลและ ศบค.จะทบทวนหรือยกเลิกข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ออกโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ถือเป็นอันตรายต่อคนไทยหรือไม่ ขณะนี้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้น 2 ในประเทศของตัวเอง คับแค้นใจที่ได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คำถามคือ นายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศ และผู้อำนวยการ ศบค.จะแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดล้มเหลวนี้อย่างไร ต้องไม่เพียงแต่กล่าวคำว่าขอโทษ ท่านสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีเหมือนผู้นำในอารยประเทศทั้งหลายที่เมื่อบริหารงานผิดพลาด เกิดความเสียหายร้ายแรง เขาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ท่านจะลาออกหรือไม่” นพ.เรวัต กล่าว

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ตอบกระทู้ถามสด ชี้แจงว่า ความคืบหน้าหลังจากลงพื้นที่จังหวัดระยอง เมื่อวานนี้  (14 ก.ค.) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีช่วงเวลาสำคัญ โดยกลุ่มทหารอียิปต์เข้าพักโรงแรมดีวารี จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และเช้าวันที่ 9 กรกฎาคมเดินทางไปประเทศจีนและกลับมาเวลา 02.00 น. และวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 11.30 น. ออกจากโรงแรมไป 2 กลุ่ม โดยกลุ่ม 4 คน ไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ส่วนอีกกลุ่ม 27 คนไปห้างแหลมทอง โดยมีผู้ติดเชื้อ 1 คน แต่พบว่าใส่หน้ากากตลอดเวลา ไม่มีการรับประทานอาหาร หรือซื้อของ และกลับโรงแรมเวลาประมาณ 14.00-15.00 น. ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อย โดยกรมควบคุมโรคนำรถพระราชทานตรวจเชิงรุก มี 9 รายที่ความเสี่ยงสูง โดยคนขับรถส่งทหารอียิปต์ผลออกแล้วว่าไม่ติดเชื้อ และกลุ่มอื่น ๆ  มีการตรวจแล้ว จำนวนกว่าพันคน โดยจะแจ้งผลต่อไป ยืนยันว่าการสอบสวนโรคโปร่งใส ไม่มีการปกปิด ไม่มีการบิดเบือนข้อมูล  ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงและกล่าวคำขอโทษเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว


“กลุ่มทหารอียิปต์เป็นกลุ่มที่เรียกว่าผู้ควบคุมอากาศยานและเจ้าหน้าที่อากาศยาน หรือนักบินกับลูกเรือ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องตรวจ และสามารถเข้าพักในพื้นที่ที่จัดให้ เช่น สุวรรณภูมิจัดโรงแรมโนโวเทลให้พัก แต่กรณีลงสนามบินอู่ตะเภา มีการจ้างเอเจนซี่จากสถานทูตฯ พาไปโรงแรมที่เข้าพัก จึงเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริงที่ปรากฎ แต่จะต้องมีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับการประสานงานหน้างานว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ไม่มีพลเมืองชั้น 2 แต่ก็เข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีประกาศที่จะยกเลิกบางกลุ่มอภิสิทธิ์ ยกเลิกเที่ยวบินจากประเทศดังกล่าว อยากให้มองวิกฤติเป็นโอกาสว่าจะต้องบริหารสถานการณ์โควิด-19 และฟื้นเศรษฐกิจให้ได้ แม้หน้างานมีความอ่อนล้าไปบ้าง แต่ย้ำว่าต้องมีระบบที่ควบคุมโควิด-19 ให้ได้ เพราะไม่มีทางที่ตัวเลขจะเป็นศูนย์ตลอด หากยังไม่มีวัคซีน” นายสาธิต กล่าว

ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายสาธิต กล่าวว่า ไม่สามารถตอบแทนนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีก็เป็นปัญหาเฉพาะตัว แต่ชี้แจงว่ากรณีทหารอียิปต์ ถือเป็นข้อยกเว้นตามประกาศกำหนดข้อ 5  กลุ่มผู้ควบคุมและเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ ไม่ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ แต่ให้อยู่ในพื้นที่ตามข้อกำหนด แต่ปัญหาคือทหารกลุ่มนี้ละเมิดข้อกำหนด ซึ่งตามคลิปที่ออกมา ทหารอียิปต์ก็ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แต่สุดท้ายประสานไปสถานทูตอียิปต์จึงยอมตรวจ และจึงทราบวันที่ 10 กรกฎาคม มีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสถานทูตอียิปต์ก็แสดงความเสียใจ ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็จะไปปรับปรุงแก้ไข.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]