ทำเนียบรัฐบาล 23 ส.ค.-“สาธิต” ชี้ 16 สส. โหวตสวนมติพรรค ผิดธรรมเนียม ทำเสื่อมเสีย แตกแยก เผย 20 สส.จ่อยื่นหัวหน้าพรรคตั้งกรรมการสอบ
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ 16 ส.สของพรรคโหวตนายกรัฐมนตรีสวนมติพรรค ว่า ต้องดูว่าทำให้พรรคเสื่อมเสียหรือไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณพรรค ก่อให้เกิดความแตกแยกก็เป็นสิทธิ์ของสมาชิก 20 คนจะเข้าชื่อตั้งกรรมการสอบสวนว่าพฤติการณ์ที่ทำมีความเสื่อมเสียแก่พรรคหรือไม่อย่างไร ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกหลายคนเป็นส.ส.ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ จะต้องทำหนังสือไปถึงหัวหน้าพรรคเพื่อตั้งกรรมการสอบสวน
“ความชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ตั้งกรรมการเจรจาเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลการจะเข้าร่วมรัฐบาลจะต้องเรียนเชิญหรือมีหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการจากพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาล การดำเนินการมีขั้นตอนอยู่ ดังนั้น หากใครที่เป็นรักษาการหรือส.ส.ที่ไม่ใช่ตำแหน่งโดยตรงและไม่ได้รับมอบหมายจากกรรมการบริหารพรรค ถ้าไปปฏิบัติในสิ่งที่เกินอำนาจหน้าที่ หรือปฏิบัติแล้วทำให้พรรคเกิดความเสื่อมเสีย ซึ่งตามระบบต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านไปแล้วและมีการประกาศจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรคไปแล้ว สิ่งเหล่านี้จึงต้องไปจัดการภายในพรรค” นายสาธิต กล่าว
เมื่อถามว่า ใครจะเป็นผู้จัดการเพราะส่วนใหญ่ที่โหวตเห็นชอบพรรคเพื่อไทยเป็นกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด นายสาธิต กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่เขียนไว้ว่าใครมีสิทธิ์ทำอะไร เช่น สมาชิกพรรคที่เห็นว่าความประพฤติของสมาชิกบางคนเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่สิงคโปร์ ตอนแรกยืนยันว่าไม่ได้ไปพบ แต่กลับมาให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ ยอมรับว่าไป ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับพรรค พฤติกรรมแบบนี้เข้าข่ายในแง่ไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมและสร้างผลกระทบต่อให้พรรคเกิดความเสียหาย
“แม้การโหวตเป็นเอกสิทธิ์ส.ส.ก็จริง แต่มติที่ประชุมพรรคก็มีความสำคัญอาจจะไม่ผิดในแง่จริยธรรมส.ส. แต่ผิดในแง่ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามขั้นตอนข้อบังคับที่เขียนไว้ตามกฎหมายพรรคการเมือง ขณะนี้มีสมาชิกเกิน 20 คนเตรียมยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะเห็นว่าความประพฤติแบบนี้ได้นำพาส.ส.ใหม่ที่ขาดประสบการณ์ไปร่วมด้วย เป็นปัญหาเป็นสิทธิ์ของสมาชิกพรรคที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง” นายสาธิต กล่าว
เมื่อถามว่า 16 เสียงที่โหวตให้พรรคเพื่อไทยไปร่วมรัฐบาลจะอ้างว่ามาจากพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามขั้นตอนว่า 16 เสียงต้องมาผ่านที่ประชุมส.ส.ก่อนว่าจะร่วมหรือไม่ แต่เมื่อวาน(22 ส.ค.) เป็นการโหวตนายกฯ ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนมติสส.ที่คุยกันก็เป็นมติของสสทุกอย่างมีขั้นตอนของมันเพราะปฏิบัติมาหลายครั้งแล้วทุกคนเข้าใจถึงข้อบังคับดี
“เมื่อพูดคุยในการประชุมส.ส.แล้วเป็นมติของส.ส.ก็ควรปฏิบัติตามมติแต่เมื่อถามว่าผิดหรือไม่ ก็มีรัฐธรรมนูญที่ใหญ่กว่าข้อบังคับพรรคคุ้มครองอยู่ แต่ขณะเดียวกันเมื่อพูดคุยกันแล้วมีมติตกลงแล้วถือว่าทำให้เกิดความแตกแยกในสมาชิกสร้างความเสียหายให้กับพรรคเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ไปจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า การกระทำลักษณะนี้ต้องขับออกจากพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า เป็นไปตามโทษหนักเบา แต่ความเห็นส่วนตัวมองว่าหนักมากขึ้นอยู่กับระเบียบข้อบังคับพรรคว่ากรรมการบริหารพรรคและส.ส.จะพิจารณาว่าอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่าแต่ 25 ส.ส.แต่ 16 คนถือเป็นส่วนใหญ่ของจำนวนส.ส.ที่มี นายสาธิต ยอมรับว่า เป็นข้อได้เปรียบของสถานการณ์ เพราะพรรคเรามีจำนวนส.ส.เยอะในอดีต แต่เมื่อได้ส.ส.ลดลง ข้อบังคับก็อาจจะไม่ทันสมัย เชื่อมโยงไปที่ตนเสนอแก้ข้อบังคับพรรค 70-30 เพราะพรรคเล็กทำให้น้ำหนักของส.ส.มีน้ำหนักในการตัดสินใจได้มากกว่าองค์ประชุม อย่างไรก็ตาม กรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่น่าจะเข้าใจถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ส่วน 16 ส.ส.ดูเหมือนจงใจต้องการให้พรรคขับออก นายสาธิต กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งจริง ๆ แล้วทุกเรื่องพูดคุยกันได้ แต่ถ้าทำความเสียหายให้ระดับนี้ หัวหน้าพรรคต้องทำหนังสือตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบ.-สำนักข่าวไทย