พช. เดินหน้าจัด “OTOP To The Town” โชว์ห้างใหญ่ทั่วกรุง

สำนักข่าวไทย 10 ก.ค.- อธิบดี พช. เดินหน้าจัดงาน OTOP To The Town ขนผลิตภัณฑ์ชุมชนโชว์ในห้างใหญ่ทั่วกรุง 11 จุดทำเลทองให้แฟนพันธุ์แท้โอทอปช้อปจุใจ คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท



วันนี้ (10 ก.ค.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน OTOP To The Town “โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด” โดยมี นายโชคชัย แก้วป่อง นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด นายสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ กรรมการที่ปรึกษา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด พร้อมสื่อมวลชน และประชาชนร่วมงานคับคั่ง ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์


นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กรมการพัฒนาชุมชน เป็นหนึ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงและยั่งยืนซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักที่กระทรวงมหาดไทยยึดมั่นในการดำเนินงานมาโดยตลอด มีการวางแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อยกระดับสินค้าภูมิปัญญาไทยให้ก้าวไกลสู่สากลมากขึ้น โดยดำเนินการขับเคลื่อน 3 แนวทาง คือ การเพิ่มศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม และการส่งเสริมช่องทางการตลาด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยกระดับสินค้าโอทอปของไทยให้มาตรฐานและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยหลายปีที่ผ่านมามีการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ในตลาดเดิมที่เคยจัดเป็นประจำและประสบผลสำเร็จในทุกระดับ


สำหรับ ในปีนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในทุกระดับ ดังนั้นหลังจากรัฐบาลได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ระยะที่ 4 ในกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในประเทศนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้ให้เดินหน้าจัดกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวและมีความเข้มแข็ง โดยจัดงาน “OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด” งานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดให้ผู้ประกอบการ OTOP พร้อมกับสร้างอาชีพเชื่อมโยงเครือข่ายและต่อยอดการค้า สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมทั้งเป็นอีกช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าการจัดงานครั้งนี้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายในงานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศที่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 1,000 ราย ที่กรมการพัฒนาชุมชนได้คัดสรรสินค้า OTOP คุณภาพมาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้บริโภค การแสดงทางศิลปและวัฒนธรรม การแจกของที่ระลึกจากสินค้า OTOP และเนื่องจากการจัดงานเป็นการจัดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมและความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง จึงได้จัดให้มีการนำสินค้า OTOP ที่มีการพัฒนาและยกระดับให้มีคุณภาพสูงมาร่วมจำหน่ายด้วย เช่น บ้านทองสมสมัย จังหวัดสุโขทัย ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ แบรนด์ขวัญตา จังหวัดหนองบัวลำภู ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ คุ้มสุโข จังหวัดขอนแก่น น้ำมันเหลืองโกลครอส จังหวัดตราด

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั่วโลกได้ประสบ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจการลงทุน การค้าขาย ย่ำแย่กันโดยทั่วหน้า แต่ประเทศไทยของเราโชคดีมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง และคนไทยมีวินัยช่วยกันปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลที่ได้กำหนดออกมา ทำให้เรารู้ว่าควรจะใช้ชีวิตกันอย่างไม่ประมาท สำหรับงาน OTOP To The Town ในครั้งนี้ ต้องขอบคุณภาคีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้ง 11 แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเซ็นทรัล ที่ได้ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน สนองต่อนโยบายของรัฐบาล ในการที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ให้ประชาชนมีโอกาสมีชีวิตที่ดี ให้ผู้ประกอบการ OTOP ที่รวมกลุ่มกันในจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมกันภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ งานในครั้งนี้ จึงเป็นการนำภูมิปัญญาไทยจากทั่วประเทศไทยเข้ามาสู่ใจกลางเมือง ด้วยช่องทางทางการตลาด เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ฝ่าภัยโควิด-19 ไปด้วยกัน เงินที่ท่านจ่ายไปนั้นไม่ใช่แค่เป็นการซื้อของ แต่มีความสำคัญ มีผลยิ่งใหญ่เพราะว่าเงินจะหมุนกลับไปสู่ชุมชนหลายครอบครัว ซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจและการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน “อธิบดีพช.กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาลในหลายโครงการ เรื่องหนึ่งคือ การทำให้พี่น้องประชาชนมารวมกลุ่มช่วยกันผลิตสินค้า และสนับสนุนพัฒนาให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราทำงานในลักษณะประชารัฐ แต่ส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จในคือเรื่องการตลาด โดยก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เราประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค่า OTOP ที่เมืองทองธานี แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 เราก็ได้โอกาสปรับตัวคือ ช่วยทำให้สินค้าเข้ามาอยู่ในโลกดิจิทัล เปลี่ยนมาขายออนไลน์ในทุกจังหวัด และอีกส่วนหนึ่งก็ได้จับมือกับแพลตฟอร์มเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น OTOP TODAY รวมถึงร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และได้รับการตอบรับที่ดี 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง คือมติคณะรัฐมนตรี ได้มีมติส่งเสริมให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนชาวไทยสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งประมาณ 20% จากผู้ประกอบการร้านค้า OTOP กว่า 8 หมื่นราย เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และเป็นสินค้าที่ยอดขายดีมาก ถือเป็นความภาคภูมิใจของกรมการพัฒนาชุมชน สินค้าในงาน OTOP To The Town ล้วนแต่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม และคุ้มค่า คุ้มราคา จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนแวะมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจพี่น้อง OTOP ที่กระจายการขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ด้วยครับ” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเชิญชวน

สำหรับ งาน “OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทยหลังฝ่าภัยโควิด” กำหนดจัดขึ้นภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 11 ครั้ง ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2563 ได้แก่ (1)  เซ็นทรัลเวิลด์ 10-15 ก.ค. 2563 (2) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ  13-17 ก.ค 2563 (3)  ไอคอนสยาม 17-22 ก.ค. 2563 (4) เซ็นทรัล บางนา  23-29 ก.ค. 2563 (5) เซ็นทรัลพระราม9 17-23 ส.ค. 2563 (6) สยามสแควร์ 20-23  ส.ค. 2563 (7)  เดอะมาร์เก็ต 8-13 ก.ย. 2563 (8)  เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ 8-14 ก.ย. 2563 (9) เซ็นทรัลพระราม 3  10-16 ก.ย. 2563 (10) สยามพารากอน  10-16 ก.ย.2563 และ (11) เซ็นทรัลพระราม3  17-23 ก.ย.2563 จึงขอเชิญทุกท่านร่วมเลือกซื้อและอุดหนุนสินค้าโอทอปของไทย เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย