พช. เดินหน้าจัด “OTOP To The Town” โชว์ห้างใหญ่ทั่วกรุง

สำนักข่าวไทย 10 ก.ค.- อธิบดี พช. เดินหน้าจัดงาน OTOP To The Town ขนผลิตภัณฑ์ชุมชนโชว์ในห้างใหญ่ทั่วกรุง 11 จุดทำเลทองให้แฟนพันธุ์แท้โอทอปช้อปจุใจ คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท



วันนี้ (10 ก.ค.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน OTOP To The Town “โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด” โดยมี นายโชคชัย แก้วป่อง นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด นายสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ กรรมการที่ปรึกษา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด พร้อมสื่อมวลชน และประชาชนร่วมงานคับคั่ง ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์


นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กรมการพัฒนาชุมชน เป็นหนึ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงและยั่งยืนซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักที่กระทรวงมหาดไทยยึดมั่นในการดำเนินงานมาโดยตลอด มีการวางแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อยกระดับสินค้าภูมิปัญญาไทยให้ก้าวไกลสู่สากลมากขึ้น โดยดำเนินการขับเคลื่อน 3 แนวทาง คือ การเพิ่มศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม และการส่งเสริมช่องทางการตลาด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยกระดับสินค้าโอทอปของไทยให้มาตรฐานและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยหลายปีที่ผ่านมามีการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ในตลาดเดิมที่เคยจัดเป็นประจำและประสบผลสำเร็จในทุกระดับ


สำหรับ ในปีนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในทุกระดับ ดังนั้นหลังจากรัฐบาลได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ระยะที่ 4 ในกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในประเทศนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้ให้เดินหน้าจัดกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวและมีความเข้มแข็ง โดยจัดงาน “OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด” งานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดให้ผู้ประกอบการ OTOP พร้อมกับสร้างอาชีพเชื่อมโยงเครือข่ายและต่อยอดการค้า สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมทั้งเป็นอีกช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าการจัดงานครั้งนี้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายในงานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศที่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 1,000 ราย ที่กรมการพัฒนาชุมชนได้คัดสรรสินค้า OTOP คุณภาพมาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้บริโภค การแสดงทางศิลปและวัฒนธรรม การแจกของที่ระลึกจากสินค้า OTOP และเนื่องจากการจัดงานเป็นการจัดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมและความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง จึงได้จัดให้มีการนำสินค้า OTOP ที่มีการพัฒนาและยกระดับให้มีคุณภาพสูงมาร่วมจำหน่ายด้วย เช่น บ้านทองสมสมัย จังหวัดสุโขทัย ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ แบรนด์ขวัญตา จังหวัดหนองบัวลำภู ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ คุ้มสุโข จังหวัดขอนแก่น น้ำมันเหลืองโกลครอส จังหวัดตราด

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั่วโลกได้ประสบ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจการลงทุน การค้าขาย ย่ำแย่กันโดยทั่วหน้า แต่ประเทศไทยของเราโชคดีมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง และคนไทยมีวินัยช่วยกันปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลที่ได้กำหนดออกมา ทำให้เรารู้ว่าควรจะใช้ชีวิตกันอย่างไม่ประมาท สำหรับงาน OTOP To The Town ในครั้งนี้ ต้องขอบคุณภาคีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้ง 11 แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเซ็นทรัล ที่ได้ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน สนองต่อนโยบายของรัฐบาล ในการที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ให้ประชาชนมีโอกาสมีชีวิตที่ดี ให้ผู้ประกอบการ OTOP ที่รวมกลุ่มกันในจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมกันภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ งานในครั้งนี้ จึงเป็นการนำภูมิปัญญาไทยจากทั่วประเทศไทยเข้ามาสู่ใจกลางเมือง ด้วยช่องทางทางการตลาด เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ฝ่าภัยโควิด-19 ไปด้วยกัน เงินที่ท่านจ่ายไปนั้นไม่ใช่แค่เป็นการซื้อของ แต่มีความสำคัญ มีผลยิ่งใหญ่เพราะว่าเงินจะหมุนกลับไปสู่ชุมชนหลายครอบครัว ซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจและการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน “อธิบดีพช.กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาลในหลายโครงการ เรื่องหนึ่งคือ การทำให้พี่น้องประชาชนมารวมกลุ่มช่วยกันผลิตสินค้า และสนับสนุนพัฒนาให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราทำงานในลักษณะประชารัฐ แต่ส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จในคือเรื่องการตลาด โดยก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เราประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค่า OTOP ที่เมืองทองธานี แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 เราก็ได้โอกาสปรับตัวคือ ช่วยทำให้สินค้าเข้ามาอยู่ในโลกดิจิทัล เปลี่ยนมาขายออนไลน์ในทุกจังหวัด และอีกส่วนหนึ่งก็ได้จับมือกับแพลตฟอร์มเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น OTOP TODAY รวมถึงร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และได้รับการตอบรับที่ดี 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง คือมติคณะรัฐมนตรี ได้มีมติส่งเสริมให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนชาวไทยสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งประมาณ 20% จากผู้ประกอบการร้านค้า OTOP กว่า 8 หมื่นราย เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และเป็นสินค้าที่ยอดขายดีมาก ถือเป็นความภาคภูมิใจของกรมการพัฒนาชุมชน สินค้าในงาน OTOP To The Town ล้วนแต่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม และคุ้มค่า คุ้มราคา จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนแวะมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจพี่น้อง OTOP ที่กระจายการขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ด้วยครับ” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเชิญชวน

สำหรับ งาน “OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทยหลังฝ่าภัยโควิด” กำหนดจัดขึ้นภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 11 ครั้ง ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2563 ได้แก่ (1)  เซ็นทรัลเวิลด์ 10-15 ก.ค. 2563 (2) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ  13-17 ก.ค 2563 (3)  ไอคอนสยาม 17-22 ก.ค. 2563 (4) เซ็นทรัล บางนา  23-29 ก.ค. 2563 (5) เซ็นทรัลพระราม9 17-23 ส.ค. 2563 (6) สยามสแควร์ 20-23  ส.ค. 2563 (7)  เดอะมาร์เก็ต 8-13 ก.ย. 2563 (8)  เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ 8-14 ก.ย. 2563 (9) เซ็นทรัลพระราม 3  10-16 ก.ย. 2563 (10) สยามพารากอน  10-16 ก.ย.2563 และ (11) เซ็นทรัลพระราม3  17-23 ก.ย.2563 จึงขอเชิญทุกท่านร่วมเลือกซื้อและอุดหนุนสินค้าโอทอปของไทย เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]