อนุ กมธ.สื่อ หารือผู้บริหาร อสมท ส่งเสริม ปชช.รู้เท่าทันสื่อ

บมจ.อสมท 2 ก.ค.-คณะอนุกรรมาธิการสิทธิเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนและสื่อสาธารณะ หารือผู้บริหาร อสมท ร่วมหาแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีสารสนเทศและส่งเสริมให้ประชาชนรู้เท่าทันสื่อ



นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค นำคณะอนุกรรมาธิการสิทธิเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนและสื่อสาธารณะ ในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ร่วมประชุมกับนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และผู้บริหาร วันนี้ (2ก.ค.) ที่ บมจ.อสมท  เพื่อหารือในประเด็นการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีสารสนเทศ  และติดตามประเด็นการปฏิรูปการรู้เท่าทันสื่อของประชาชนและแนวทางการส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อ


นายสมชาย กล่าวว่า การมา อสมท วันนี้เพื่อให้กำลังใจผู้บริหารและพนักงานของ อสมท ในช่วงเวลาที่วงการสื่อกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง และมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนผ่านที่ค่อนข้างยากลำบาก โดยมองว่าถ้าว่าสื่อมวลชนยังคงยึดมั่นในการสร้างประโยชน์ให้กับสังคม หรือประชาชนอย่างแท้จริง สื่อนั้นๆ ก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้  รวมทั้งหารือแนวทางในการสร้างการรู้เท่าทันสื่อของประชาชน และร่วมหาทางผลักดันการปฏิรูปสื่อให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรม 


ทั้งนี้ ในส่วนของคณะกรรมาธิการ ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนรู้เท่าทันสื่อ พร้อมๆ กับการปฏิรูปสื่อ โดยเฉพาะสื่อหลัก เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับ Fake news ที่มีความรุนแรงมากขึ้นและเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและมีอิทธิพลให้ประชาชนหลงเชื่อ

ด้านนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่า  ในส่วนของ บมจ.อสมท ซึ่งมีสื่อทั้ง สื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อดิจิทัล ในแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ความสำคัญกับการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ผ่านการกลั่นกรองตรวจสอบก่อนนำเสนอทำให้ข้อมูล ที่นำเสนอในสื่อของ บมจ.อสมท ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมายาวนาน ในปี 2563 ซึ่งวงการสื่อเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์สื่อและพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมทั้งข่าวปลอม หรือ Fake news  

บมจ.อสมท จึงได้เร่งรัดดำเนินการผลิตสื่อคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันสื่อมากขึ้น เช่น เน้นดำเนินธุรกิจตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ,บริหารจัดการองค์กรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรเพิ่มสำนักธุรกิจในโครงสร้าง เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ๆ ,เปิดตัวธุรกิจใหม่ ร่วมกับพันธมิตรภายนอก และการขยายงานด้านการป้องกันข่าวปลอมโดย “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”  ซึ่งได้ผลิตรายการและออกอากาศในข่าวภาคค่ำ มาตั้งแต่ปี2558 ทำหน้าที่ตรวจสอบ  คอยเฝ้าระวังข้อมูลที่มีการส่งต่อกันในโลกออนไลน์ ที่เป็นประเด็นกระทบต่อสุขภาพและความเข้าใจของประชาชน  ที่ผ่านมามีการตรวจสอบและปรับอากาศแล้วประมาณ 1,400 คลิปวิดีโอ 

ขณะเดียวกันในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการนำดารา พิธีกร นักจัดรายการวิทยุ มาให้ข้อมูลและนำเสนอข่าวในประเด็นต่างๆ  เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน จัดรายการพิเศษและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ในแพลตฟอร์มต่างๆ รวมทั้งให้ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์มาเน้นเกี่ยวกับโควิดมากขึ้น เช่น ประเด็นความเข้าใจเรื่องหน้ากากอนามัย การป้องกันคนเองจากโรค เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้