กรุงเทพฯ
30 มิ.ย.- ปตท.ร่วมมือ ก.ล.ต.เปิดร้านกาแฟสนับสนุนผู้บกพร่องทางการได้ยิน พร้อมเดินหน้า
5 มาตรการหลักพลังงานสร้างชาติ ฟื้นเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ใช้ปั๊ม “พีทีทีสเตชั่น”
รับผู้ประกอบการสินค้าท้องถิ่นเป็นคู่ค้า
วันนี้
( 30 มิ.ย. ) บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด (มหาชน) และ บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม
จำกัด เปิดร้าน Café
Amazon for Chance ที่ให้บริการโดยผู้บกพร่องทางการได้ยิน ณ อาคารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) ร้านนี้ยังจัดหาเบเกอรี่จากร้าน
60+ Bakery and Chocolate
Cat โดยมูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก
(APCD) มาขายในร้านเพื่อสนับสนุนธุรกิงที่มีส่วนร่วมของ คนพิการเพื่อคนทั้งมวล
(disability-inclusive
business)
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต กล่าวว่า สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในตลาดทุนดำเนินธุรกิจ
โดยให้ความสำคัญ กับการปฏิบัติตามหลักธรรมากิบาล
มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESG) สนับสนุน 700 บมจ.ดำเนินโครงการเช่นนี้ เพราะ เป็น
“การให้” ที่มีคุณค่ายิ่งต่อสังคม และเป็นการให้”โอกาส”
บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน
นายอรรถพล
ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า
โครงการ Café Amazon for Chance เป็นหนึ่งในโครงการธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ต่อยอดจากการนำความสำเร็จของธุรกิจคาเฟ่อเมซอน มาสร้างคุณค่าให้กับสังคมผ่านบริษัท สานพลังวิสาหกิจเพื่อสังคม
จำกัด(พีทีทีเอสอี
) โดยบริษัทในกลุ่ม
ปตท.ดำเนินการร่วมกัน ทั้งโครงการผ่านร้านกาแฟ เพื่อสร้างโอกาสการทำงานให้กับผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้พิการทางการได้ยิน และผู้บกพร่องทางการเรียนรู้
ผู้ชรา เพื่อให้มีงานประจำที่มีรายได้แน่นอน ซึ่งขณะนี้มีร้านกาแฟแล้ว 9
สาขาและจะเปิดเพิ่มเป็น 12 สาขาในปีนี้ รวมทั้งมีโครงการอื่นๆ เช่น
รับซื้อเมล็ดกาแฟในภาคเหนือ ให้เกษตรกรมีตลาดควบคู่การดูแลป่ายั่งยืน
ซึ่งปีที่แล้วกลุ่ม ปตท.มีเงินลงทุนส่วนนี้ไปแล้ว 100 ล้านบาท
นายอรรถพล
กล่าวว่า ในส่วนของ ESG ของ ปตท. นอกจากทำโครงการช่วยเหลือโดยตรง แล้วในกระบวนการทางธุรกิจยังให้ความสำคัญทุกระดับ
และเดินหน้าใช้ปั๊ม น้ำมัน พีทีทีสเตชั่น เป็นจุดช่วยเหลือชุมชนเป็นช่องทางการตลาด
ล่าสุดโออาร์ ใช้พื้นที่ ปั๊มน้ำมันทุกแห่ง
1,900 แห่ง ขอความร่วมมือดีลเลอร์ เป็นพื้นที่เปิดให้ผู้ประกอบการในชุมชน
สามารถเดินทางเข้าไปติดต่อเสนอสินค้า หาก
โออาร์พิจารณาว่าเป็นผู้ประกอบการที่ตั้งใจ สินค้ามีคุณภาพที่ดี ก็จะส่งเสริมเป็นพันธมิตร่วมกัน
โดยขณะนี้มีนับเป็นสิบแบรนด์ ที่เข้ามาติดต่อ
นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท.ยังร่วมโครงการพลังงานสร้างชาติ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19
ด้วย 5 โครงการ 1 .ชุมชนยิ้มได้ เชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้บริโภคผ่าน Market Place ทั้ง Offline และ Online สนับสนุนทั้งการค้าอี-คอมเมิร์ซ และแพกเกจจิ้ง สนับสนุน 100 วิสาหกิจชุมชน ร่วมมือกับหลายหน่วยงานในการพัฒนาแพลทฟอร์ม
การบริหารจัดการ และช่องทางตลาด 2.พัฒนาชุมชน
ให้พึ่งพาตนเองด้านพลังงาน ลดต้นทุนผลิต ด้วยพลังงานโซลาร์และไบโอแก๊ส ส่วนนี้จะเสนอของบกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรัก์พลังงานสนับสนุนตั้งแต่ปี
2563-2568 ในจำนวนบ่อไบโอแก๊สรวม 15 บ่อ 3.โครงการเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วไทย
ร่วมมือกับภาครัฐจัดเคมเปญส่งเสริมท่องเที่ยวผ่านสมาชิกบลูการ์ด
แนะนำแหล่งท่องเที่ยว unseen
ในพื้นที่โครงการ 84 ตำบลวิถีพอเพียง
และเขื่อนของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย คาดเกิดเงินหมุนเวียนราว 450 ล้านบาท
4.โครงการร่วมลงทุน INNOSPACE
และ
5.ลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
สำหรับการลงทุนขายปั๊มน้ำมันของ
ปตท.เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งสาขาร้านกาแฟปีนี้ในไทย มีแผนขยายเพิ่มอีก 400
แห่ง คาดสิ้นปีนี้ จะมีสาขาร้านกาแฟทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 3,500 สาขา ซึ่งในช่วงล็อกดาวน์ยอดขายทั้งน้ำมันและกาแฟลดลงแต่ขณะนี้ดีขึ้น
โดยยอดขายกาแฟ ลดลงประมาณร้อยละ 35
ส่วนความคืบหน้าการนำ
OR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น
ขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของ ก.ล.ต. ซึ่งมีกำหนดประมาณ 165 วัน
หลังจากได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน
(ร่างหนังสือชี้ชวน) ไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2563 จากนั้น หลังจากนั้น
จึงจะพิจารณาเรื่องแผนการโรดโชว์ ก่อนกระจายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ต่อไป โดยจะกระจายหุ้นช่วงไหนก็ต้องรอดูสภาพตลาดด้วย
–สำนักข่าวไทย