พช.เดินหน้าสร้างชุมชนยั่งยืนทางอาหารตามแนวพระราชดำริ

พระนครศรีอยุธยา 29 มิ.ย.- อธิบดี พช. เป็นประธานพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล อาคารศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ที่ทำการ อบต.พระยาบันลือ เชิญชวนปลูกผักสวนครัวต่อเฟส 2 สร้างความมั่นคงทางอาหารชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน





วันนี้ (29 มิ.ย.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล อาคารศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า  กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลพระยาบันลือ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายจักรกฤษณ์ ทองทับ เจ้าหน้าที่งานในพระองค์  นายชวลิต ธูปตาก้อง ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน  นางสาวเรไร แย้มสะอาด ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วม นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายชนาธิป โคกมณี นายอำเภอลาดบัวหลวง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี โดยมีอาจารย์โสภณ สืบสม ประธานมูลนิธิบ้านจิตธรรมดี ทำพิธีบวงสรวง และอาจารย์ประดิษฐ์ รัตนโกมล ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีดุอา 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ และประชาชน ชาวตำบลพระยาบันลือ ได้พร้อมใจกันจัดงานพิธีทำบุญอาคารศูนย์การเรียนรู้  การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำเนินโครงการพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อช่วยเหลือประชาชนซึ่งมีฐานะยากจนในพื้นที่ตำบลพระยาบันลือ 


“กรมการพัฒนาชุมชนได้น้อมนำแนวทางที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระราชทานไว้ เพื่อพัฒนาอาชีพประชาชนอย่างยั่งยืน โดยผมได้นำทีมงานจากกรมการพัฒนาชุมชน ไปศึกษาเรียนรู้ที่ อบต.โก่งธนู จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นต้นแบบในการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ที่พระองค์พระราชทานผ่านมูลนิธิชัยพัฒนา และศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ อีกทั้งยังทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมด้วยพระองค์เอง ผมจึงขอเชิญชวนให้พี่น้องทุกคนร่วมกันปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร โดยในขณะนี้เราดำเนินการมาได้ 89 วัน และมีเปอร์เซ็นต์การร่วมปลูกผักทั้งหมดคือ 95.6 % จาก 12,976,932 ครัวเรือนทั่วประเทศ ทำให้เรามีอาหารปลอดภัยไว้รับประทาน อาหารที่ไม่มีสารพิษไม่มียาฆ่าแมลง และทำให้ครัวเรือนประหยัดรายจ่าย ซึ่งผู้ที่ทำจะต้องทำด้วยจิตใตที่แน่วแน่ มุ่งมั่น และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ โดยกรมการพัฒนาชุมชนชักชวนผู้นำในแต่ละจังหวัด รวมถึงข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชน มาช่วยกันปลูกและช่วยเชิญชวนพี่น้องประชาชน ซึ่งปลูกกันได้ถึงครัวเรือนละกว่า 20 ประเภท และความสำเร็จนี้ก็เกิดขึ้นได้เพราะเราทุกคนร่วมมือกัน โดยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา นอกจากจะสามารถนำผลผลิตมารับประทานในครัวเรือนแล้ว ยังแปรเป็นรายได้ได้ด้วย อาทิ ชาวตำบลโก่งธนู ที่ได้นำพืชผักสวนครัวจำนวนมาก ไปขายให้ผู้คนในอำเภอเมืองจังหวัดลพบุรี เป็นเครื่องยืนยันว่าถ้าปลูกกันทุกบ้าน ก็สามารถนำมาแบ่งปัน ขาย และแปรรูปได้” 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นเดือนมหามงคล เป็นเดือนเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 กรมการพัฒนาชุมชนขอความกรุณาทุกภาคส่วนของจังหวัด ช่วยกันขับเคลื่อนให้โครงการปลูกพืชผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ให้มีความมั่นคงอย่างแท้จริง ซึ่งการจะมีความมั่นคงอย่างแท้จริง ต้องมีการทำอย่างต่อเนื่อง เพราะการต่อเนื่องจะกลายเป็นพลัง และขอให้ช่วยกันรณรงค์ต่อไป ซึ่งเป็นเฟสที่ 2 ของโครงการปลูกผักสวนครัวนี้

“เฟสที่ 2 นี้ มีการดำเนินงานเพิ่มเติม อันดับแรก คือ ปลูกผักสวนครัวจาก 5 อย่างเป็น 10 อย่าง อันดับ 2 คือ ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมสีเขียว คือร่วมการแยกขยะ ทำบ้านเมืองของเราให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี นำขยะเปียกไปทำปุ๋ยหมัก นำปุ๋ยหมักนั้นไปใส่ต้นไม้ อันดับที่ 3 การปลูกพืชผักสวนครัวคราวนี้ ให้มุ่งเน้นในการต่อยอดให้เป็นอาชีพได้ ตอบรับกับอาคารที่เรา กำลังจะทำพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคล คืออาคารศูนย์การเรียนรู้ พัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน ในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะฉะนั้นในเฟสที่ 2 นี้ กรมการพัฒนาชุมชนขอร้องให้ผู้นำทั้งหลาย ช่วยกันชวนชาวบ้าน ปลูกพืชผักสวนครัวอย่างน้อย 2 ประเภท คือ 1. พืชผักสวนครัวที่เราใช้กินในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วยลดรายจ่ายในครอบครัวได้ 2. คือพืชผักสวนครัวคู่ชีวิตหรือคู่บ้าน ความหมายคือ ปลูกทีเดียวจะอยู่กับเราตลอดชีวิต ประกอบไปด้วย กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม มะกรูด มะนาว หัวข่า ตะไคร้ อยากให้ปลูกกันทุกบ้าน ปลูกครั้งเดียวลูกหลานมีกินมีใช้ และสามารถนำมาแปรรูปได้ 

นอกจากนี้ เฟส 2 ขอเชิญชวนให้ทุกคนน้อมนำโครงการพระราชดำริฯ เรื่องการตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช เพื่อจ่ายให้สำหรับคนที่ไม่มี และปรับปรุงข้อมูลผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ให้มีภาษาอังกฤษด้วย เพื่อเผยแพร่สู่สากล สิ่งต่างๆที่เราเรียนรู้มาจากโครงการพระราชดำริที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานไว้นั้น ถ้าทำอย่างนี้ชีวิตของเรามีความยั่งยืนแน่นอน และสามารถรวมกันเป็นกลุ่มก้อน อาทิ กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเสมือไม้ไผ่หลายกิ่งมารวมกันทำให้หักไม่ได้ เพราะฉะนั้นชาวพระยาบันลือจะช่วยเป็นแหล่งอาหารของประเทศเราได้  

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนตำบลพระยาบันลือจะได้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากอาคารศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนในพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเสริมสร้าง พัฒนาคุณภาพชีวิต และส่งเสริมการมีอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนในตำบลพระยาบันลือ นำไปสู่การสร้างประโยชน์การพัฒนาประเทศชาติต่อไป” นายสุทธิพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลพระยาบันลือได้ขอรับงบประมาณจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ขนาดความกว้าง 45 เมตร ยาว 55 เมตร งบประมาณ 31,500,000 บาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]