สธ. 26 มิ.ย.- รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แจงสถานการณ์โควิดในไทย ยังวางใจไม่ได้ดูบทเรียนจีน ที่ระบาดรอบ 2 ป่วยพุ่ง 269 คน ย้ำ เปิดประเทศต้องวางระบบให้ดี จัดกลุ่มคนเดินทางกลับ พัก state quarantine คนป่วยรักษาในไทย อยู่ในรพ. และ เจรจาธุรกิจระยะสั้น ต้องมีเครื่องวางระบบ
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแถลงสถานการณ์โควิด -19 ประจำกระทรวงสาธารณสุข ว่า แม้ว่าประเทศไทย จะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในไทยมา 31 วัน แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ของให้ดูตัวอย่างของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ปลอดจากโควิดในประเทศมา 55 วัน แต่ก็เริ่มพบผู้ป่วยตั้งแต่ 11 -24 มิถุนายน 269 คน ทำให้เห็นว่ามาตรการและความเข้มข้นในการป้องกัน ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือ รวมถึงการมีระยะห่างทางสังคมยังต้องมีอยู่ ส่วนเรื่องการเปิดการเดินทางระหว่างประเทศ ในส่วนของธุรกิจ หรือ ทราเวล บับเบิ้ล คาดว่าจะมีรายละเอียดในสัปดาห์ แต่ต้องพยายามรักษาสมดุลทางสุขภาพและเศรษฐกิจให้คู่ขนานกัน ต้องดูว่าขณะนี้ประชาชนรับได้หรือไม่ หากประเทศไทยจะมีการเปิดประเทศ แต่ต้องมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และรับได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับส่วนตัวเห็นว่า อัตราการป่วยหากมีการเปิดประเทศ รับได้แค่เฉลี่ย 5 คน ต่อล้านประชากร เพื่อให้คงระบบสาธารณสุขทำงานได้ คนทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะต้องให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า หากเปิดประเทศ จะให้ไม่พบผู้ป่วยเลย เป็นไปได้ยาก และต้องใช้ต้นทุนที่สูงมาก ขณะนี้ทราบว่าในกลุ่มอียูเริ่มทยอยเปิดประเทศแล้วให้ไปมาหาสู่กัน แต่ประคองสถานการณ์ ให้อัตราผู้ป่วยต่ำ แต่ต้องเข้าใจว่าระบบการแพทย์และสาธารณสุขของต่างประเทศดีกว่าไทย ดังนั้น ต้องมีการจัดวางกลุ่มเข้าที่จะเข้าประเทศให้ดี 1 กลุ่มคนที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ มาพำนักเป็นเวลานาน เช่น มาเยี่ยมญาติ กลุ่มนี้ยังต้องอยู่ใน state quarantine 2 กลุ่มคนป่วยต่างชาติที่ต้องการเดินทางมารักษาที่ไทย ตรงนี้ไม่น่าห่วงเพราะเท่ากับมีการกักตัวดูอยู่ใน รพ.อยู่แล้ว 3 กลุ่มธุรกิจ ที่เดินทางเข้าไทยไม่ใช้เวลานาน ตรงนี้ต้องมีระบบติดตามตัวให้ดี และต้องไม่ปิดเครื่องมือสื่อสาร หรือ อาจใช้กำไลติดตามตัว หรืออาจใช้แอพ DDC care ตัวเหมือนในอดีต
นพ.พลวรรธ์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในไทยคงที่ จากการประเมินการใช้ไทยชนะ ลดลงจากเดิมจากเดิมวันละ 3 ล้านครั้งต่อวัน เหลือวันละ 1.2 ล้านครั้ง อยากให้ประชาชนใส่ใจร่วมกันลงหรือใช้แอปไทยชนะ เพื่อช่วยในการประเมินความเสี่ยง และ ย้ำการออกจากบ้านทุกครั้งประชาชนยังต้องสวมหน้ากากอนามัย.-สำนักข่าวไทย