สสส.เปิดผลสำรวจเด็กไทยใช้ยาเสพติดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

กทม.24มิ.ย.- สสส เผยผลสำรวจ พบคนไทยใช้ยาเสพติด ประเภท กัญชา-กระท่อมมาเป็นอันดับ1  ส่วนเฮโรอีนเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนขายแรงว่างงาน วอนหามาตรการช่วยนักวิชาการ ขณะที่ม.สงขลา ลุยวิจัยใช้“กระท่อม”ตามวิถีชาวบ้านกับผลกระทบต่อสมองคาดรู้ผลปลายปี63  


ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนาออนไลน์ หัวข้อ “วันยาเสพติดโลก: กรณีกระท่อม กัญชา ยาบ้า ไอซ์” เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลกประจำปี 2563 


            

น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอันดับต้นด้านสุขภาพและปัญหาสังคม ของทุกประเทศทั่วโลก โดยมีทั้งที่ถูกกฎหมาย เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคทางกายและจิต อุบัติเหตุและความรุนแรง เป็นสารตั้งต้นที่เยาวชนอาจใช้ก่อนนำไปสู่การเสพยาเสพติดชนิดอื่นที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะยาเสพติดผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ เช่น เมทแอมเฟตามีน กัญชา พืชกระท่อม เฮโรอีน เป็นต้น ทั้งนี้ปัญหายาเสพติดในเด็กและเยาวชนไทยยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กอายุ12-19 ปี ที่มีการใช้สารเสพติดมากถึงร้อยละ 3.72ในปี 2562โดยครึ่งหนึ่งกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มสารเสพติดที่ใช้เพิ่มขึ้น คือ กัญชา พืชกระท่อม และเฮโรอีน และมีแนวโน้มการใช้สารเสพติดผิดกฎหมายมากกว่าหนึ่งชนิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

           


 รศ.พญ.รัศมน  กัลยาศิริ ผู้จัดการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์ด้านยาเสพติดในประเทศไทยรอบ12เดือนที่ผ่านมา ซึ่งคาบเกี่ยวกับช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ด้วย พบว่าผู้ที่ใช้สารเสพติด4.6%เป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง สารเสพติดที่ใช้มากที่สุดคือ กัญชา กระท่อม รองลงมาคือ ยาบ้า ยาไอซ์ ส่วนฝิ่น เฮโรอีน มอร์ฟีน แม้มีการใช้น้อย แต่ยังพบว่ามีการใช้อยู่ประปราย ที่ค่อนข้างอันตรายคือไอซ์กับยาบ้า ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาททำให้ไม่ง่วง แต่หากใช้ปริมาณสูงจะมีสารโคปามีนหลั่งออกมาเยอะทำให้มีอาการหลาดระแวง ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง รู้สึกมีคนจะมาทำร้าย หากใช้ด้วยวิธีการฉีดเข้าเส้นทำให้เกิดการติดเชื้อเอชไอวี และเชื้อไวรัสตับอับเสบชนิดซีได้อีกด้วย ส่วนกัญชา จะมีสารทีเอชซี (THC) และซีบีดี (CBD) ซึ่งสารซีบีดีเป็นสารที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ขณะที่สารทีเอชซีจะมีฤทธิ์ทำให้เสพติดได้ หากใช้มากเสี่ยงเกิดอาการคล้ายกับยาบ้าคือ หวาดระแวง หูแว่วประสาทหลอน 

           

 รศ.พญ.รัศมน กล่าวว่า สำหรับกระท่อม มีฤทธิ์กดประสาท ที่ต้องระวังคือการเอาไปผสมกับยารักษาโรคอื่นๆ ที่ออกฤทธิ์ ต่อสมอง ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะทำให้เราคาดเดาผลข้างเคียงไม่ได้ โดยเฉพาะการผสมกับยาที่ออกฤทธิ์กดประสาทแบบเดียวกันยิ่งทำให้ออกฤทธิ์รุนแรงได้ ขณะที่เฮโรอีนค่อนข้างลดลงในปีที่ผ่านมา แต่ยังเจอในกลุ่มอาชีพเกษตรกร คนรับจ้าง คนว่างงาน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มีแนวโน้มมากขึ้น ทั้งนี้เฮโรอีนจะมีฤทธิ์กดสมอง กดการหายใจ หากใช้ปริมาณมากจะทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ และเสียชีวิตได้ และหากใช้แบบฉีดเข้าเส้นก็เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบชนิดซี  

            

“สิ่งที่ต้องนำมาพูดถึงด้วยคือ การสำรวจรอบ12เดือนในการใช้สารเสพติดช่วงโควิด ใน15จังหวัด อายุ15 ปี ขึ้นไป 1,825 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ค.พบว่า ถ้าเป็นสารเสพติดที่ใช้เพื่อการสังสรรค์ หรือเข้าสังคม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือกระท่อมที่มีการผสมยาตัวอื่นๆ จะใช้น้อยลง แต่สารเสพติดที่ใช้เดี่ยวๆใช้เท่าๆกัน มีบางส่วนใช้น้อยลง อาจเพราะรู้ผลกระทบด้านสุขภาพ ทั้งนี้เทรนด์ทั่วโลกจะมองว่าคนที่เสพสารเสพติดที่ต้องได้รับการรักษา ไม่ใช่อาชญากร เพื่อให้คนที่พลาดไปเสพติดกล้าที่จะเข้ามาสู่การรักษา ซึ่งสัมพันธ์กับผลรักษาที่ดีในคนที่สมัครใจ ถ้ามองว่าสารเสพติดก็เหมือนโควิด-19 หากเราป้องกันตัวดี สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือสม่ำเสมอ และเว้นระยะห่างดี ก็ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อได้ แต่ถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมา อย่าลืมว่าเราก็ยังมีทางรักษา การติดสารเสพติดก็เช่นเดียวกัน” รศ.พญ.รัศมน กล่าว

            

ด้าน ผศ.ดร.สมชาย ศรีวิริยะจันทร์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ หาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า สารไมทราไจนีน (Mitragynine) เป็นสารที่อยู่ในพืชกระท่อม กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ทำงานทน แต่มีงานวิจัยว่าสารดังกล่าวหากใช้ไปนานๆ จะมีผลต่อการทำงานของสมอง ทั้งด้านความคิด ความจำ ความสามารถในการตัดสินใจ แต่ยังไม่มีการศึกษาอย่างเป็นทางการ ดังนั้น ตนจึงจะมีการศึกษาความสัมพันธ์ของระดับไมทราไจนีน ในเลือดกับผลกระทบต่อสมองของคนที่ใช้พืชกระท่อมในกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้พืชกระท่อมตามวิถีชาวบ้านเป็นประจำ คือมากกว่า1 ปี กลุ่มตัวอย่างที่ ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎธานี จำนวน 220 คน คาดว่าจะมีความคืบหน้าในปลายปี 2563 และทันต่อการใช้ประกอบการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับพืชกระท่อมได้

           

 “เราจะดูว่าสารไมทราไจนีนในเลือดเทียบกับภาวะสมอง มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ หากกินมากขึ้นจะทำให้สาระสำคัญในเลือดมีความเข้มข้นมากขึ้นแค่ไหน เทียบกับคนที่กินไม่มาก และคนที่มีความเข้มข้นของสารดังกล่าวเยอะนั้นจะทำให้การทำงานของสมองแย่ลงจริงหรือไม่ แย่ลงมากกว่าคนที่กินน้อยหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องหาคำตอบ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง”

            

นางสาวสุพจนี ชุติดำรง ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาสารสนเทศด้านลดอุปสงค์ สำนักพัฒนาการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (สนง.ป.ป.ส.) กล่าวว่า จากการทำงานที่ผ่านมา ปปส. พบว่าชุมชนและสังคมมีอิทธิพลสูงทำให้เด็กเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ดังนั้นแผนการดำเนิงานด้านการป้องกันยาเสพติดในกลุ่มเยาวชน จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ1.เน้นสร้างเสริมความรู้ ทัศนคติ เจตคดิ ภูมิคุ้มกันให้กับตัวบุคคลทั้งที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง 2.ต้องสร้างพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น เพราะเชื่อว่าหากเด็กและเยาวชนเห็นว่ายาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี บวกกับการได้อยู่ในชุมชนที่ดี โอกาสที่เค้าจะเติบโตเป็นผู้ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดก็มีเปอร์เซ็นต์สูงเช่นกัน

            

ด้าน นายสุขวิชัย  อิทธิสุคนธ์ หรือ ม๊อบ เยาวชนที่เคยมีประสบการณ์คนในครอบครัวเกี่ยวข้องกับยาเสพติด กล่าวว่า ตนโตมาท่ามกลางปัญหายาเสพติด ชุมชนเป็นพื้นที่เสี่ยง เมื่อปี2546 ตอนนั้นอายุ6ขวบ ได้สูญเสียพ่อที่ถูกวิสามัญในข้อหาผู้ค้ารายใหญ่ ส่วนลุงเสียชีวิตเพราะเสพยาเกินขนาด และเคยถูกคนในชุมชนใช้ให้ไปส่งยาเพื่อแลกกับเงิน เหตุการณ์ที่ผ่านมากลายเป็นแรงกะตุ้นที่สอนให้เริ่มรู้จักปฏิเสธ และเมื่อมีโอกาสได้ทำกิจกรรมรณรงค์เกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้มีภูมิคุ้มกันหนักแน่นในอุดมการณ์ พร้อมที่จะทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยการชักจูงเด็กในชุมชนมาทำกิจกรรมยามว่าง เช่น ตีกลองยาว เชิดสิงโตเด็ก ทำสิ่งประดิษฐ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กกลุ่มเสี่ยงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และยังเป็นการช่วยให้ชุมชน ครอบครัวเข้มแข็งมีความสุข.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ธปท.เรียกถกผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย หารือ 15 ก.ย.นี้

กทม. 13 ก.ย.-ธปท. เรียกถกผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย หารือจันทร์นี้ หลัง กกร.ตั้งข้อสังเกตส่งออกทองคำไปกัมพูชาพุ่งสูงผิดปกติ กรณีนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชนสามสถาบัน (กกร.) ได้ทำการตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าแรงผิดปกติ สวนทางเศรษฐกิจปัจจุบัน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบความผิดปกติของการส่งออกทองคำไปกัมพูชา มีตัวเลขสูงผิดปกติ ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่านั้น ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เรียกด่วนผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย เพื่อหารือถึงประเด็นดังกล่าวในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ด้านวงในให้จับตา “ทองคำ” ช่องโหว่เศรษฐกิจ เหตุเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล จนกระทรวงการคลัง-แบงก์ชาติ ต้องถกหาวิธีดูแลธุรกรรมทองคำเพื่อปิดช่องฟอกเงิน เผย 7 เดือนไทยส่งออกทองไปกัมพูชาแล้วกว่า 71,800 ล้านบาท ทั้งนี้ การส่งออกทองคำของไทยที่อยู่ในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ ระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2568 ตามตัวเลขของสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) พบว่าไทยมีการส่งออกไปยังกัมพูชาอยู่ในอันดับ 3 รองจากการส่งออกไปยังสวิตเซอร์แลนด์ และอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งค้าทองคำที่สำคัญของโลก โดยตัวเลขการส่งออกไปยังกัมพูชา 7 เดือนแรกของปี 2568 […]

วันที่ 3 ปะทะเดือดสะบ้าย้อย ยังเคลียร์พื้นที่ไม่ได้

สงขลา 13 ก.ย.-เข้าสู่วันที่ 3 เหตุปะทะเดือด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เช้านี้ยังยิงปะทะกันต่อเนื่อง ยังไม่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ จนชาวบ้านไม่กล้าออกจากบ้าน วันนี้เป็นวันที่ 3 หลังวานนี้ เกิดเสียงยิงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว บนเนินเขา หมู่ 7 ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และหลังจากเสียงปืนสงบ ได้มีการเข้าเคลียร์พื้นที่โดยเชิญผู้นำศาสนาเข้าไปในพื้นที่เพื่อตรวจสอบและเป็นสักขีพยาน หลังเจ้าหน้าที่ ยืนยันพบผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 1 ราย และเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็มีการปะทะต่อเนื่องประมาณ 2-3 ครั้ง ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปะทะขึ้นอีกกว่า 10 ครั้งแล้ว ดังมาจากใกล้จุดเกิดเหตุเมื่อวานนี้ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ ทราบเพียงว่าเจ้าหน้าที่ปลอดภัยทุกนาย และเจ้าหน้าที่ยังคงใช้ความระมัดระวัง โดยใช้โดรนบินลาดตระเวนตลอดตั้งแต่เช้าและขยับเคลื่อนกำลังเข้าทุกพื้นที่เพื่อกดดัน และจำกัดวงล้อมรอบเทือกเขา หาตัวผู้ก่อความไม่สงบ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และติดกับอำเภอนาทวี จ.สงขลา ซึ่งคนร้ายอาจจะหลบหนีได้ แหล่งข่าวความมั่นคงคาดยังมีคนร้ายหลบหนี อยู่ในเทือกเขาอีกประมาณ 1-2 คน ขณะที่บรรยากาศในหมู่ 7 บ้านห้วยเต่า วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ชาวบ้านยังคงอยู่บ้านเรือนของตนเองเพื่อความปลอดภัย […]

“บิ๊กตู่” ส่งดอกไม้ พร้อมการ์ดอวยพรวันเกิด “อนุทิน”

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย. – “บิ๊กตู่-สมาคมไทยจีน” ส่งดอกไม้ พร้อมการ์ดอวยพรวันเกิด “อนุทิน” ครบรอบ 59 ปี ขณะที่แกนนำพรรคจ่อเบิร์ธเดย์เย็นนี้ บรรยากาศที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนมารอทำข่าว เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 59 ปี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยมีบุคคลสำคัญและภาคธุรกิจ ส่งดอกไม้พร้อมการ์ดอวยพรมาแสดงความยินดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และสมาคมมิตรภาพไทย-จีน โดยในช่วงเช้าวันนี้นายอนุทิน ได้เดินทางไปทำภารกิจส่วนตัว พร้อมนางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภรรยา ที่จังหวัดระนอง ขณะที่ช่วงเย็นนั้น มีรายงานว่า พรรคภูมิใจไทยจะประชุมพรรคในเวลา 17.00 น. โดยจะมีแกนนำและสมาชิกพรรค ร่วมอวยพรวันเกิดให้แก่นายอนุทินด้วย ขณะที่ ช่วงค่ำเมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) นายอนุทิน ได้โพสต์ภาพรับพระราชทานแจกันดอกไม้ พร้อมเขียนข้อความ โดยระบุว่า กราบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ […]

ไฟไหม้ตลาดพาหุรัด สาเหตุไฟฟ้าลัดวงจรปลั๊กไฟต่อพ่วง

กทม. 13 ก.ย.-ระทึกกลางดึก! ไฟไหม้ตลาดพาหุรัด จนท.อพยพผู้พักอาศัย ใช้เวลา 20 นาที ควบคุมเพลิงไว้ได้ สาเหตุไฟฟ้าลัดวงจรปลั๊กไฟต่อพ่วง เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 13 ก.ย.68 ร.ต.ท.สิทธิชัย ขัดแก้ว รองสารวัตร(สอบสวน) สน.พระราชวัง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ใกล้เคียงโรงแรมไชน่าเวิลด์ ถนนพาหุรัด แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยภูเขาทอง ที่เกิดเหตุเป็นอาคาร 3 ชั้น ตลาดพาหุรัด ศูนย์ค้าผ้าและเครื่องประดับ พบมีกลุ่มควันจำนวนมาก บริเวณชั้นที่ 2 เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยเหลืออพยพผู้พักอาศัยติดค้างอยู่ออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย จากการตรวจสอบบริเวณชั้น 1 ภายในร้านประกอบกิจการจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ พบมีแสงเพลิงไหม้ จึงใช้น้ำฉีดทำการดับประมาณ 20 นาทีเพลิงสงบลง พื้นที่เสียหายประมาณ 24 ตารางเมตร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง สถานที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย