นนทบุรี 23 มิ.ย. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์เผยข่าวดีเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง-กระเทียมจังหวัดศรีสะเกษได้ขึ้นทะเบียน GI แล้ว เตรียมทำแผนควบคุมผลิต หวังเพิ่มมูลค่าสินค้า
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียนหอมแดงศรีสะเกษและกระเทียมศรีสะเกษเป็นสินค้า GI 2 รายการล่าสุด โดยหอมแดงและกระเทียมของจังหวัดศรีสะเกษนั้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศในท้องถิ่นที่มีความเหมาะสมกับการปลูกพืชทั้ง 2 ชนิด ประกอบกับเทคนิคการเพาะปลูกของคนในท้องถิ่นที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้หอมแดงและกระเทียมของจังหวัดศรีสะเกษมีกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นแตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันที่มาจากแหล่งอื่น
สำหรับคุณลักษณะเด่นของสินค้า GI ทั้ง 2 รายการที่ได้รับการขึ้นทะเบียน คือ หอมแดงศรีสะเกษมีเปลือกแห้งมัน สีแดงเข้มปนม่วง หัวมีลักษณะกลม มีกลิ่นฉุน พื้นที่ปลูกหอมแดงจังหวัดศรีสะเกษเป็นดินมูลทรายที่เป็นดินตะกอนลุ่มน้ำโบราณลำน้ำมูลและลำน้ำสาขามูลที่ทับถมมานาน ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์สูง ประกอบกับเมื่อผสมกับดินโพนหรือดินจอมปลวกตามภูมิปัญญาของปราชญ์ชาวบ้าน ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ กลิ่นหอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์ ส่วนกระเทียมศรีสะเกษมีลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ เปลือกนอกสีขาวแกมม่วง เปลือกบาง หัวแน่น กลิ่นฉุน รสเผ็ดร้อน สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ฝ่อ กระเทียมศรีสะเกษปลูกในดินมูลทรายเช่นเดียวกัน ผลผลิตจึงมีคุณภาพดี และสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงกว่ากระเทียมจากแหล่งอื่น
อย่างไรก็ตาม จากการประกาศขึ้นทะเบียนครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยมีสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 126 รายการ จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในส่วนของหอมแดงศรีสะเกษและกระเทียมศรีสะเกษนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะเร่งส่งเสริมการจัดทำระบบการตรวจสอบควบคุมคุณภาพสินค้า การเพิ่มมูลค่าสินค้า และสนับสนุนช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างรายได้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนและครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาสินค้า GI สร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับชุมชนท้องถิ่นไปแล้วกว่า 5,300 ล้านบาท โดยขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสนับสนุนสินค้า GI จากผู้ประกอบการโดยตรง ซึ่งนอกจากหอมแดงและกระเทียมศรีสะเกษแล้ว ยังมีสินค้าจากผู้ประกอบการรายอื่นอีกกว่า 100 รายการ โดยสามารถเข้ามาเยี่ยมชมและเลือกซื้อสินค้า GI ไทยได้ที่ Facebook Fanpage : GI Thailand เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการ GI ให้ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ และผลักดันสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพไปสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย