สำนักข่าวไทย 22 มิ.ย.-รมว.ยุติธรรม เผยกรณี “พ.ต.ท.บรรยิน” แถลงต่อศาล ว่าต้องการฆ่าตัวตายเพราะเครียด ย้ำให้ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง รวมถึงทั่วประเทศ จับตาผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงฆ่าตัวตาย เชื่อราชทัณฑ์ เพิ่มความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยได้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่ากรณีการขู่อุ้มภรรยาของผู้บัญชาการเรือนจำ ว่า ตนได้รับรายงานในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครยอมรับในแผนต่าง ๆ ได้ จากนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น 2-3 เท่าเพราะเกิดอะไรขึ้นกับผู้คุมเรือนจำจะเสียหายเป็นอย่างมาก แต่ตนเชื่อว่าราชทัณฑ์จะเข้มงวดและสามารถสร้างมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจากนี้ได้ เพราะคนที่พยายามแหกคุกสถิติที่ผ่านมาแทบจะจับกุมได้ทั้งสิ้น ไม่มีใครจะหนีรอดไปได้ง่าย แม้จะพยามสุดท้ายก็กลับเข้าเรือนจำเช่นเดิม
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา แถลงต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางว่าต้องการฆ่าตัวตายเพราะเครียด จากนี้เรือนจำกลางบางขวางคงต้องสอดส่องเพิ่มเติม รวมถึงเรือนจำทั่วประเทศต้องสอดส่องผู้ต้องขังให้ดี เพราะเกรงว่าอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้ ปัจจัยที่ผู้ต้องขังนั้นมีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายเพราะ 1.ศาลตัดสินให้จำคุกมีโทษกำหนดหลายปีและมีคดีเพิ่ม 2. ผู้ต้องขังมีความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังชีวิตล้มเหลวและสูญเสียอิสรภาพ และ 3. ผู้ต้องขังนั้นไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง
ดังนั้น ต้องจับตาอย่าให้เก็บของมีคมหรืออุปกรณ์ที่ใช้ทำร้ายตัวเองได้ คอยสังเกตพฤติกรรม หากพบว่าจะมีการพยายามฆ่าตัวตายต้องรีบให้ความช่วยเหลือและป้องกันอย่างเร่งด่วนเพราะคนที่ฆ่าตัวตายนั้นสามารถลงมือได้ตลอดเวลาและหากพบว่าการพูดคุยในระหว่างวัน มีอาการแปลกที่ส่อไปทางซึมเศร้าก็รีบให้พบกับจิตแพทย์
“ขอย้ำว่าแนวทางปฏิบัตินี้ ผู้บัญชาการเรือนจำต้องสังเกตผู้ต้องขังทุกเรือนจำ ไม่ใช่เฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.บรรยิน รายเดียว การพบผู้ต้องขัง 1 รายเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย อาจจะไม่มีความผิด แต่กรมราชทัณฑ์ต้องออกมาชี้แจงต่อสังคม ข้าราชการเองก็เสียเวลาที่ต้องทำข้อมูลเพื่อชี้แจง ดังนั้นหากใส่ใจตั้งแต่ต้นเราจะไม่พบปัญหา และผมไม่อยากเห็นผู้ต้องขังมาเสียชีวิตในเรือนจำ เพราะญาติพี่น้องเขาจะไม่สบายใจ” รมว.ยุติธรรม กล่าว.– สำนักข่าวไทย