จำคุก “บรรยิน” 8 ปี พริตตี้-โบรกเกอร์ 4 ปี คดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์

กรุงเทพฯ 20 มี.ค.- ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” จำคุก “บรรยิน” 8 ปี “น้ำตาล” พริตตี้คนสนิท-“ป้อนข้าว” โบรกเกอร์สาว คนละ 4 ปี ส่วนแม่ ไม่พบความผิด ยกฟ้อง



ศาลอาญากรุงเทพใต้อ่านคำพิพากษาคดีโอนหุ้นเสียชูวงษ์ แซ่ตั๊ง มูลค่า กว่า 263 ล้านบาท ที่มี นางสาวกัญฐนา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อดีตพริตตี้ จำเลยที่ 1 นางสาววัชรียา วัชรประยงค์วุฒิ หรือน้ำมนต์ (เดิมคือ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล จำเลยที่ 2 พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  จำเลยที่ 3 และ และนางศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา ที่ได้รับโอนหุ้นจากนางสาวอุรชา จำเลยที่ 4  ในความผิดฐาน ปลอมเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม


โดยในวันนี้ นางสาวกัญฐนา (น้ำตาล) นางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) และ นางศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ส่วนพันตำรวจโทบรรยินไม่ได้ถูกเบิกตัวมา แต่ศาลใช้วิธีการอ่านคำพิพากษาผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 

ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานของโจทก์แล้วพบว่ามีการลบและแก้ไขข้อความในเอกสารหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ เพื่อโอนหุ้นเข้าบัญชีของ นางสาวกัญฐนา (น้ำตาล) มูลค่า 228 ล้านบาท และ เข้าบัญชีมารดาของนางสาววัชรียา(ป้อนข้าว) มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบพิรุธอีกหลายจุดตั้งแต่ที่พันตำรวจโทบรรยิน ยื่นขอเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการทำธุรกรรมตลาดหลักทรัพย์ของนายชูวงษ์ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ของตนเองและเจ้าหน้าที่ไม่มีการโทรยืนยันกับนายชูวงษ์ที่หมายเลขโทรศัพท์เดิม ซึ่งผิดระเบียบตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นนายชูวงษ์ยืนยันการโอนหุ้นก็ไม่ใช่เสียงของนายชูวงษ์แต่พยานหลายคนยืนยันว่าคล้ายเสียงของพันตำรวจโทบรรยิน

จากกล้องวงจรปิดจากหลายสถานที่ รวมถึง บันทึกการใช้โทรศัพท์ประวัดการเดินทางเข้าออกนอกประเทศและการตรวจดีเอ็นเอบุตรของ นางสาววัชรียา(ป้อนข้าว) ทำให้เชื่อได้ว่าพันตำรวจโทบรรยินมีความสัมพันธ์ทางชูสาวกับ นางสาวกัญฐนา (น้ำตาล)  และ นางสาววัชรียา(ป้อนข้าว) แต่กลับไม่พบหลักฐานความสัมพันธ์เชิงชู้สาวระหว่างนายชูวงษ์กับหญิงสาวทั้ง 2 คน ดังนั้นจากพยานหลักฐานจึงเชื่อได้ว่าพันตำรวจโทบรรยินและหญิงสาวทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกันและร่วมกันวางแผน โดยอาศัยความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายชูวงษ์เพื่อยักย้ายทรัพย์สินของนายชูวงษ์ ไปซื้อบ้าน รถ และ เลี้ยงดู หญิงสาวทั้ง 2 คน เพิ่อให้ความมั่นคงต่อทั้งคู่ 


ดังนั้นรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้ง 3 คน ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ศาลพิพาษาจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 4 ปี ส่วนพันตำรวจโทบรรยิน จำเลยที่ 3 จำคุก 8 ปี ขณะที่ มารดาของนางสาวอุรชา ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีพยานหลักฐานพอยืนยันว่ามีส่วนรู้เห็นกับการปลอมหรือใช้เอกสารของนายชูวงษ์ เพื่อโอนหุ้นแต่ยอมเปิดบัญชีรับหุ้มตามที่ลูกสาวอ้างว่าแฟนหนุ่มต้องการโอนหุ้นให้ แต่ลูกสาวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดทำให้ไม่สามารถรับโอนหุ้นได้โดยตรง มาดารย่อมให้การช่วยเหลือบุตรสาวตามคำขอเป็นเรื่องปกติ ส่วนทรัพย์สินของกลางในคดีศาลสั่งให้ริบทรัพย์ทั้งหมด

ภายหลังการพิพากษานางวันเพ็ญ แซ่ตั๊ง พี่สาวของชูวงษ์ กล่าวขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว หลังจากต่อสู้คดีมานาน 4 ปี 9 เดือน และวันนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 3 คน ตามพยานหลักฐานที่ปรากฎชัดเจนว่าทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง  นอกจากนี้คำพิพากษาของศาลยังสร้างความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์ ที่เสียชีวิต กรณีถูกพันตำรวจโทบรรยิน ใส่ความมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) และนางสาวกัญฐณา (น้ำตาล) ว่าไม่เป็นความจริงด้วย  ส่วนหลังจากนี้ หากฝ่ายจำเลยจะยื่นอุทธรณ์คดี ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ ก็มั่นใจในพยานหลักฐาน รวมทั้งยังมีทีมทนายหลายทีมที่จะต่อสู้คดี

สำหรับคดีโอนหุ้น 300 ล้านของนายชูวงษ์ ที่ต่อสู้มานานกว่า 4 ปี นางวันเพ็ญ ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างยืดเยื้อ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ สั่งฟ้องคดี จนทำให้ทางครอบครัวต้องยื่นฟ้องศาลด้วยตัวเอง ซึ่งอยากให้มีการตรวจสอบย้อนหลังการทำงานของอดีตอธิบดีอัยการฯ ดังกล่าว ว่าพิจารณาสำนวนคดีอย่างเป็นธรรมหรือไม่ เพราะส่วนตัวมองว่าหากสั่งฟ้องคดีตั้งแต่ครั้งแรกก็จะทำให้คดีสิ้นสุดภายใน 2 ปี

ทั้งนี้ นางวันเพ็ญ ระบุด้วยว่า ผลคำพิพากษาในวันนี้ ทำให้ครอบครัวมั่นใจในการต่อสู้คดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ มากขึ้น เพราะแสดงให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการโอนหุ้นมูลค่ามหาศาล  หลังจากนี้ทีมทนายความจะคัดคำพิพากษา เพื่อไปยื่นต่อศาลจังหวัดพระโขนง เพื่อให้พิจารณาคดีการเสียชีวิต ของนายชูวงษ์ หลังจากที่มีการจำหน่ายคดีไว้

ส่วนหุ้นจำนวน 300 ล้านที่ถูกอายัดระหว่างดำเนินคดี ทางครอบครัวก็จะนำผลคำพิพากษาในคดีอาญาไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้ดำเนินการต่อไป

พร้อมกันนี้ นางวันเพ็ญ ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีคนก่อนหน้านี้ ที่ต้องสูญเสียพี่ชายจากการเข้ามารับผิดชอบคดี  ขณะเดียวกันยังขอบคุณสื่อ ที่ติดตามคดีอย่างต่อเนื่องทำให้การวิ่งเต้นของฝ่ายจำเลยไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจำเลย ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว โดยในส่วนของนางสาวกัญฐณา หรือ น้ำตาล จำเลยที่ 1 ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดและที่ดินมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ภายหลังศาลพิพากษา ทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5ล้านบาทพร้อมที่ดินมูลค่าท 3ล้าน รวม 8 ล้านบาทขอประกันตัว น.ส.กัญฐนาต่อศาล เช่นเดียวกับ น.ส.อุรชา ยื่นหลักทรัพย์ ๓ ล้านบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลพิจารณาแล้ว เห็นควรส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและมีคำสั่งว่าจะให้ประกันหรือไม่ต่อไป ก่อนส่งตัวจำเลยทั้ง 2 ไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างรอฟังคำสั่งประกันจากศาลอุทธรณ์ก่อน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย