จำคุก “บรรยิน” 8 ปี พริตตี้-โบรกเกอร์ 4 ปี คดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์

กรุงเทพฯ 20 มี.ค.- ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” จำคุก “บรรยิน” 8 ปี “น้ำตาล” พริตตี้คนสนิท-“ป้อนข้าว” โบรกเกอร์สาว คนละ 4 ปี ส่วนแม่ ไม่พบความผิด ยกฟ้อง



ศาลอาญากรุงเทพใต้อ่านคำพิพากษาคดีโอนหุ้นเสียชูวงษ์ แซ่ตั๊ง มูลค่า กว่า 263 ล้านบาท ที่มี นางสาวกัญฐนา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อดีตพริตตี้ จำเลยที่ 1 นางสาววัชรียา วัชรประยงค์วุฒิ หรือน้ำมนต์ (เดิมคือ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล จำเลยที่ 2 พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  จำเลยที่ 3 และ และนางศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา ที่ได้รับโอนหุ้นจากนางสาวอุรชา จำเลยที่ 4  ในความผิดฐาน ปลอมเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม


โดยในวันนี้ นางสาวกัญฐนา (น้ำตาล) นางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) และ นางศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ส่วนพันตำรวจโทบรรยินไม่ได้ถูกเบิกตัวมา แต่ศาลใช้วิธีการอ่านคำพิพากษาผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 

ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานของโจทก์แล้วพบว่ามีการลบและแก้ไขข้อความในเอกสารหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ เพื่อโอนหุ้นเข้าบัญชีของ นางสาวกัญฐนา (น้ำตาล) มูลค่า 228 ล้านบาท และ เข้าบัญชีมารดาของนางสาววัชรียา(ป้อนข้าว) มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบพิรุธอีกหลายจุดตั้งแต่ที่พันตำรวจโทบรรยิน ยื่นขอเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการทำธุรกรรมตลาดหลักทรัพย์ของนายชูวงษ์ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ของตนเองและเจ้าหน้าที่ไม่มีการโทรยืนยันกับนายชูวงษ์ที่หมายเลขโทรศัพท์เดิม ซึ่งผิดระเบียบตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นนายชูวงษ์ยืนยันการโอนหุ้นก็ไม่ใช่เสียงของนายชูวงษ์แต่พยานหลายคนยืนยันว่าคล้ายเสียงของพันตำรวจโทบรรยิน

จากกล้องวงจรปิดจากหลายสถานที่ รวมถึง บันทึกการใช้โทรศัพท์ประวัดการเดินทางเข้าออกนอกประเทศและการตรวจดีเอ็นเอบุตรของ นางสาววัชรียา(ป้อนข้าว) ทำให้เชื่อได้ว่าพันตำรวจโทบรรยินมีความสัมพันธ์ทางชูสาวกับ นางสาวกัญฐนา (น้ำตาล)  และ นางสาววัชรียา(ป้อนข้าว) แต่กลับไม่พบหลักฐานความสัมพันธ์เชิงชู้สาวระหว่างนายชูวงษ์กับหญิงสาวทั้ง 2 คน ดังนั้นจากพยานหลักฐานจึงเชื่อได้ว่าพันตำรวจโทบรรยินและหญิงสาวทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกันและร่วมกันวางแผน โดยอาศัยความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายชูวงษ์เพื่อยักย้ายทรัพย์สินของนายชูวงษ์ ไปซื้อบ้าน รถ และ เลี้ยงดู หญิงสาวทั้ง 2 คน เพิ่อให้ความมั่นคงต่อทั้งคู่ 


ดังนั้นรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้ง 3 คน ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ศาลพิพาษาจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 4 ปี ส่วนพันตำรวจโทบรรยิน จำเลยที่ 3 จำคุก 8 ปี ขณะที่ มารดาของนางสาวอุรชา ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีพยานหลักฐานพอยืนยันว่ามีส่วนรู้เห็นกับการปลอมหรือใช้เอกสารของนายชูวงษ์ เพื่อโอนหุ้นแต่ยอมเปิดบัญชีรับหุ้มตามที่ลูกสาวอ้างว่าแฟนหนุ่มต้องการโอนหุ้นให้ แต่ลูกสาวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดทำให้ไม่สามารถรับโอนหุ้นได้โดยตรง มาดารย่อมให้การช่วยเหลือบุตรสาวตามคำขอเป็นเรื่องปกติ ส่วนทรัพย์สินของกลางในคดีศาลสั่งให้ริบทรัพย์ทั้งหมด

ภายหลังการพิพากษานางวันเพ็ญ แซ่ตั๊ง พี่สาวของชูวงษ์ กล่าวขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว หลังจากต่อสู้คดีมานาน 4 ปี 9 เดือน และวันนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 3 คน ตามพยานหลักฐานที่ปรากฎชัดเจนว่าทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง  นอกจากนี้คำพิพากษาของศาลยังสร้างความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์ ที่เสียชีวิต กรณีถูกพันตำรวจโทบรรยิน ใส่ความมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) และนางสาวกัญฐณา (น้ำตาล) ว่าไม่เป็นความจริงด้วย  ส่วนหลังจากนี้ หากฝ่ายจำเลยจะยื่นอุทธรณ์คดี ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ ก็มั่นใจในพยานหลักฐาน รวมทั้งยังมีทีมทนายหลายทีมที่จะต่อสู้คดี

สำหรับคดีโอนหุ้น 300 ล้านของนายชูวงษ์ ที่ต่อสู้มานานกว่า 4 ปี นางวันเพ็ญ ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างยืดเยื้อ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ สั่งฟ้องคดี จนทำให้ทางครอบครัวต้องยื่นฟ้องศาลด้วยตัวเอง ซึ่งอยากให้มีการตรวจสอบย้อนหลังการทำงานของอดีตอธิบดีอัยการฯ ดังกล่าว ว่าพิจารณาสำนวนคดีอย่างเป็นธรรมหรือไม่ เพราะส่วนตัวมองว่าหากสั่งฟ้องคดีตั้งแต่ครั้งแรกก็จะทำให้คดีสิ้นสุดภายใน 2 ปี

ทั้งนี้ นางวันเพ็ญ ระบุด้วยว่า ผลคำพิพากษาในวันนี้ ทำให้ครอบครัวมั่นใจในการต่อสู้คดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ มากขึ้น เพราะแสดงให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการโอนหุ้นมูลค่ามหาศาล  หลังจากนี้ทีมทนายความจะคัดคำพิพากษา เพื่อไปยื่นต่อศาลจังหวัดพระโขนง เพื่อให้พิจารณาคดีการเสียชีวิต ของนายชูวงษ์ หลังจากที่มีการจำหน่ายคดีไว้

ส่วนหุ้นจำนวน 300 ล้านที่ถูกอายัดระหว่างดำเนินคดี ทางครอบครัวก็จะนำผลคำพิพากษาในคดีอาญาไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้ดำเนินการต่อไป

พร้อมกันนี้ นางวันเพ็ญ ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีคนก่อนหน้านี้ ที่ต้องสูญเสียพี่ชายจากการเข้ามารับผิดชอบคดี  ขณะเดียวกันยังขอบคุณสื่อ ที่ติดตามคดีอย่างต่อเนื่องทำให้การวิ่งเต้นของฝ่ายจำเลยไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจำเลย ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว โดยในส่วนของนางสาวกัญฐณา หรือ น้ำตาล จำเลยที่ 1 ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดและที่ดินมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ภายหลังศาลพิพากษา ทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5ล้านบาทพร้อมที่ดินมูลค่าท 3ล้าน รวม 8 ล้านบาทขอประกันตัว น.ส.กัญฐนาต่อศาล เช่นเดียวกับ น.ส.อุรชา ยื่นหลักทรัพย์ ๓ ล้านบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลพิจารณาแล้ว เห็นควรส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและมีคำสั่งว่าจะให้ประกันหรือไม่ต่อไป ก่อนส่งตัวจำเลยทั้ง 2 ไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างรอฟังคำสั่งประกันจากศาลอุทธรณ์ก่อน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบบ้านลักลอบทำประทัดไล่นก บึ้มกลางชุมชน

สุพรรณบุรี 31 ก.ค. – จากเหตุบ้านที่ลักลอบทำประทัดไล่นก เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต วันนี้ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ยืนยันว่าที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นที่ลักลอบทำ ที่น่าตกใจคือหลังเกิดเหตุชาวบ้านโดยรอบบอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านดังกล่าวลักลอบทำประทัดไล่นก จี้หน่วยงานตรวจสอบ กลัวว่าอาจจะมีบ้านที่ลักลอบทำอีก.-สำนักข่าวไทย

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]